|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้น "ดีอี แคปปิตอล" เทรดคึกคักราคาพุ่ง 8.27% สวนทางภาวะตลาดหุ้นซบเซา มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 511.36ล้านบาท บล.ยูไนเต็ดเผยกลุ่มลูกค้า 4 รายใหญ่ไม่มีเอี่ยวเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่ม ชี้น่าจะเกิดจากแรงเก็งกำไร ขณะที่โบรกเกอร์ประเมินเป็นการปรับตัวขึ้นมาในระยะสั้น ชี้นักลงทุนที่เข้าไปซื้อขายต้องพิจารณาความเสี่ยงเอง
วานนี้ (2 พ.ย.) หุ้นบริษัทดีอี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ DE ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแรง ซึ่งสวนทางกับภาวะตลาดหุ้นโดยรวม ประกอบกับมีมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น โดยราคาปิดอยู่ที่ระดับ 1.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท หรือ 8.27% มูลค่าการซื้อขาย 511.36 ล้านบาท เป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของวัน
ทั้งนี้ราคาหุ้นบริษัทดีอี แคปปิตอลนั้นถือว่าปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันแล้ว โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ราคาปิดที่ 1.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.76% มูลค่าการซื้อขาย 9.65 ล้านบาท และในวันที่ 1 พฤศจิกายน ราคาปิด 1.33 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.76% มูลค่าการซื้อขาย 10.23 ล้านบาท
ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมดัชนีปิดที่ 729.03 จุดลดลง 1.84 จุดหรือ 0.25% มูลค่าการซื้อขาย 13,887.99 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แรงซื้อที่เข้ามาในหุ้นบริษัทดีอี แคปปิตอลนั้น ไม่ได้เกิดจากแรงซื้อเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของลูกค้า 4 รายของบล.ยูไนเต็ดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามคาดว่าน่าจะเกิดจากแรงซื้อเก็งกำไรที่มาจากลูกค้าของโบรกเกอร์แห่งอื่นๆ มากกว่า
อนึ่งก่อนหน้านี้บริษัทดีอี แคปปิตอล เคยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า กรณีที่บล.ยูไนเต็ด ถือหุ้นในบริษัทสัดส่วน 69.72 ล้านหุ้น หรือ 13.20% ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งนั้น เป็นการถือหุ้นแทนลูกค้า 4 ราย ประกอบด้วยนางสาวสุพัจจา ตันน์ไพรัตน์ ถือหุ้น 26.27 ล้านหุ้น หรือ 4.97%, นายโยคิน เจริญสุข ซึ่งเป็นนักลงทุนที่ถูกมองว่าอยู่ในกลุ่มของนายพายัพ ชินวัตร นักลงทุนรายใหญ่ ถือหุ้น 26 ล้านหุ้น หรือ 4.92%, นางสาวรังศิมา พงศ์พิละ ถือหุ้น 12.65 ล้านหุ้น หรือ 2.40% และนายฉัตรเฉลิม เฉลิมชัยวัฒน์ ถือหุ้น 4.8 ล้านหุ้น หรือ 0.91%
เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS เปิดเผยว่าสาเหตุที่ราคาหุ้นบริษัท ดีอี แคปปิตอล ปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 วัน เนื่องจากเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามสัญญาณทางเทคนิคที่ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น นอกจากนี้นักลงทุนยังคงมีการเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่ดำเนินธุรกิจประเภทขายเช่าซื้ออีกหลายบริษัท เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัว ซึ่งอาจะส่งผลให้มีจำนวนลูกค้าเข้ามามากขึ้น
ทั้งนี้ได้แนะนำให้นักลงทุนสามารถเข้าไปเก็งกำไรระยะสั้นได้ แต่จะต้องพิจารณาความเสี่ยง เนื่องจากเป็นหุ้นเก็งกำไรการเคลื่อนไหวของราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วและลงเร็ว โดยราคาหุ้นที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว เพราะมีกระแสข่าวจากที่มีผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เข้ามา ซึ่งรวมถึงนายโยคิน เจริญสุข นักลงทุนกลุ่มพายัพ ชินวัตร โดยประเมินแนวรับตามราคาเหมาะสมไว้ที่ระดับ 1.34 บาท ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ ระดับ 1.42 บาท และให้แนวต้านถัดไปไว้ที่ 1.46 บาท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือAYS กล่าวว่า จากราคาหุ้นบริษัท ดีอี แคปปิตอล ที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้ามา เก็งกำไรในระยะสั้น ตามแนวโน้มทางด้านเทคนิคซึ่งมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องได้ โดยให้แนวต้านทางเทคนิคไว้ที่ 1.50 บาท และแนวรับทางเทคนิคที่ 1.30 บาท และแนวรับถัดไปที่ 1.31 บาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST กล่าวว่าแนวโน้มราคาหุ้นบริษัท ดีอี แคปปิตอล ในระยะสั้นมีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าการซื้อขายอย่างหนาแน่น จากแรงเก็งกำไรในระยะ สั้น ขณะที่ระยะกลางประเมินว่าราคาหุ้นยังคงสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากก่อนหน้านี้ราคาได้ปรับฐานมาพอสมควรแล้ว โดยแนวโน้มสัญญาณด้านเทคนิคคาดว่าหุ้นบริษัทดีอี แคปปิตอล จะสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1.52 บาท ส่วนแนวรับประเมินไว้ที่ระดับ 1.31-1.33 บาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า หุ้นบริษัทดีอี แคปปิตอลปรับขึ้น มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น เนื่องจากหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นแนวเก็งกำไรอยู่แล้ววันนี้น่าจะเป็นการเข้ามาซื้อขายของของนักลงทุนรายใหญ่ จะทำ Break High เดิมที่ 1.52 บาท เพราะสัญญาณทางเทคนิคเป็นขาขึ้น แนวต้านหลัก 1.45 บาท ผ่านไปได้สร้าง New high
"วันนี้เป็นหุ้นขนาดเล็กมา อาจจะเทรดดิ้งตามตลาดมากกว่า คงจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่และมีการเทรดหลายรอบ และระมัดระวัง แต่สัญญาณทางเทคนิคยังเป็นสัญญาณแกว่งตัวเชิงบวกอยู่" นักวิเคราะห์ กล่าว
|
|
|
|
|