|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
"ประสาร" รับธุรกิจแบงก์ปีหน้ายังหนัก แม้คาดว่าดอกเบี้ยจะปรับลดลงประมาณ 1% แต่ต้องเผชิญอีกหลากปัญหาทั้งค่าบาทผันผวน-เกณฑ์ใหม่จากแบงก์ชาติ ระบุถือเป็นสิ่งที่ท้าทายการทำงานมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยด้านการเมืองเริ่มนิ่ง แต่ยังคงต้องจับตาอีก 1 ปี
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้าความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และระบบเกณฑ์ใหม่ที่ทางการจะนำออกมาบังคับใช้กับสถาบันการเงิน จะเป็นสิ่งที่ท้าทายการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์เป็นอย่างมาก โดยในปีหน้ามองว่าอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง อัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะค่าเงินบาทมีทิศทางปรับตัวแข็งค่าขึ้น รวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ทางการจะกำหนดออกมาใช้เช่น IAS39 Basel II ซึ่งจะมีผลทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับประสิทธิภาพของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ในปีหน้าอัตราดอกเบี้ยเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการขยายสินเชื่อของธนาคาร ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง เพราะขณะนี้มีเงินทุนไหลเข้ามามาก ทำให้เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้น ซึ่งในส่วนของลูกค้าที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศ ควรให้ความสำคัญในการบริหารความเสี่ยง” นายประสาร กล่าว
ทั้งนี้ ในปีหน้าเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะมีทิศทางปรับลดลงจาก 5% มาอยู่ที่ 4% ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของต่างประเทศ โดยคาดว่าในปีหน้าสหรัฐอเมริกาน่าจะลดอัตราดอกเบี้ยจาก 5.25% มาอยู่ที่ 4.00% ซึ่งจะส่งผลทำให้อัตราดอกเบี้ยของไทยปรับลดตาม ขณะเดียวกันหากในปีหน้าอัตราดอกเบี้ยของไทยปรับมาอยู่ที่ระดับ 4% และในปี 51 สินเชื่อมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ก็อาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอาจเริ่มกลับมาปรับเพิ่มขึ้นอีกได้
“ปี 50 ถือเป็นรอยต่อวัฏจักรดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศ เพราะมีแนวโน้มที่ดอกเบี้ยจะปรับลดลง” นายประสาร กล่าว
สำหรับในส่วนของธนาคารเชื่อว่าการขยายสินเชื่อในปีหน้าว่า จะยังคงมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งในปีหน้ามองว่าเศรษฐกิจไทยยังจะเติบโตได้ 4-5% ซึ่งดีขึ้นจาก 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 50 จะเติบโตในอัตรา 3.5-4.5% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณได้เร็วขึ้น ชดเชยกับการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอลงในปี 50 อีกทั้งสถานการณ์ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงก็จะส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค-อุปโภค
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าสิ่งที่ต้องจับตามองพร้อมต้องสร้างความระมัดระวังคือเรื่อง ภาคการเมืองระยะสั้นที่เหมือนจะดูนิ่งขึ้น แต่เมื่อเลย 1 ปีไปแล้วยังไม่มีใครรู้ว่าภาคการเมืองจะเป็นอย่างไร ซึ่งมีผลต่อการลงทุนระยะยาวของต่างประเทศ รวมทั้งปัจจัยภาคใต้ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง ส่วนปัจจัยด้านเศรษฐกิจ เช่น บัญชีเดินสะพัด เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ก็ยังไม่มีสิ่งที่ชี้ว่าจะเกิดปัญหาใหญ่
ส่วนผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในปีหน้าว่าโดยรวมน่าจะเติบโตได้ดี โดยอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) น่าจะทำได้ที่ 1-1.5% ส่วนอัตราผลตอบแทนต่อหุ้น (ROE) อยู่ที่ 10-15% เนื่องจากผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ปกติจะเติบโตไปพร้อมกับการเติบโตของเศรษฐกิจ
|
|
 |
|
|