Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 พฤศจิกายน 2549
สมาคมผู้ปลีกออกโรงยันตัวเลข ตลาดโมเดิร์นเทรดยังแพ้โชห่วย             
 


   
search resources

ธนภณ ตังคณานันท์
Retail




นายก ฯ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยออกโรง ยืนยันส่วนแบ่งตลาดโมเดิร์นเทรดยังแพ้โชห่วย แนะเป็นเครือข่ายพัฒนธมิตรแก้ปัญหา และพัฒนาผลประโยชน์ร่วมกัน

นายธนภณ ตังคณานันท์ นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอว่าร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นเทรด สร้างผลกระทบให้กับร้านโชห่วยว่า ในฐานะนายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ขอชี้แจงว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว ร้านโมเดิร์น เทรดและร้านโชห่วยแบบดั้งเดิมนั้น สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ โดยร้านค้าปลีกค้าส่งมัยใหม่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับร้านโชห่วยอย่างที่เข้าใจกัน

“ ข้อมูลจากปี 2545 ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ มียอดขายประมาณ 345,000 ล้านบาท จากตลาดรวม 1 ล้านล้านบาท ร้านโชห่วยประมาณ 650,000 ล้าน เท่ากับร้านค้าปลีกสมัยใหม่มีสัดส่วนประมาณ 35% และร้านดั้งเดิม 65 % และในปี 2549 มูลค่าตลาดรวมเพิ่มเป็น 1,200,000 ล้านบาท ร้านค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 570,000 ล้านบาท ขณะที่โชห่วยลดลงจาก 650,000 ล้าน เป็น 620,000 ล้าน แต่ยังครองสัดส่วนตลาดถึง 50 – 52 %และยังมีแนวโน้มการขยายตัวในเขตชนบทมากกว่าร้านค้าปลีกสมัยใหม่เสียอีก” นายธนภณ กล่าว

นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า โดยพฤติกรรมผู้บริโภคการเลือกซื้อของจากร้านค้าใดนั้น มักจะไม่เจาะจงว่าต้องซื้อจากร้านประเภทใดเท่านั้นเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าลูกค้าจะเปลี่ยนจากร้านโชห่วยมาเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ไปทั้งหมด เพราะร้านโชห่วยยังคงมีข้อเด่นตรงที่อยู่ใกล้บ้าน และสะดวกที่จะซื้อของเฉพาะที่จำเป็นจะต้อใช้แบบวันต่อวัน และความจริงแล้ว ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่เกื้อหนุนต่อร้านโชว์ห่วยด้วยซ้ำ เพราะร้านเล็กสามารถไปซื้อแล้วขายต่อด้วย นอกจากจะได้ราคาที่สามรถนำไปทำกำไรต่อได้แล้ว ยังรับชำระด้วยบัตรเครดิต นั่นคือ ซื้อวันนี้แล้วอีก 45 วันจึงจะชำระเงิน ซึ่งการซื้อสินค้าผ่านพ่อค้าคนกลางในระบบเก่าไม่สามารถทำแบบนี้ได้

สำหรับร้านโชห่วยเลิกกิจการไปเป็นจำนวนมากนั้น จากการสำรวจ เราพบว่าสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ร้านโชห่วยเลิกกิจการ คือ ไม่มีทายาทมาดำเนินการต่อ เนื่องจากร้านประเภทนี้บริหารกิจการโดยคนในครอบครัวกันเอง หากลูกหลานไม่ทำร้านต่อ หรือเลือกทำธุรกิจประเภทอื่น ร้านก็อยู่ไม่ได้ แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็ต้องมองว่านี่เป็นการปรับตัวของร้านโชห่วย ที่ลูกหลานอาจจะไปทำธุรกิจที่เหมาะสถนการณ์มากกว่า เช่น การเปิดร้านโทรศัพท์มือถือ หรือ การซื้อแฟรนไชค์จากที่อื่นมาทำแทน

อย่างไรก็ตาม นายธนภณ กล่าวว่า ทางสมาคม ฯและสมาชิกทุกรายพร้อมที่จะให้การสนับสนุนร้านโชห่วยในการพัฒนาการทำธุรกิจให้คงความสามารถในการแข่งขันในบรรยากาศการแข่งขันสมัยใหม่ได้ ไม่วาจะเป็นการสร้างเครือขายพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน หรือการอบรมให้ความรู้ที่จำเป็น เช่นการเลือกประเภทสินค้า การจัดซื้อและเก็บสินค้า รวมทั้งการจัดหน้าร้านหรือวางสินค้าให้น่าสนใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วปัจจุบันนี้ก็ได้มีการดำเนินการไปแล้วหลายราย เพียงแต่ยังไม่ได้ทำเป็นกิจจะลักษณะเท่านั้น ซึ่งผมเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีที่เราจะหันหน้าเข้าหากัน และร่วมแก้ปัญหาพร้อมพัฒนาให้มุกฝ่ายสามารถเดินไปข้างหน้าด้วยกันได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us