เอเชีย เทเลวิชั่นฯสยายปีกลุยธุรกิจใหม่ จับมือจั๊มทีวี ผู้นำ ด้านโทรทัศน์ออนไลน์ของโลก ผุด “ไอพีทีวี” ในเมืองไทย เตรียมเดินหน้าเจรจาจีบสถานีโทรทัศน์ต่างๆที่มีอยู่ในไทย นำเสนอคอนเท้นท์ป้อน จั๊มทีวี มั่นใจเป็นการทำธุรกิจแบบวิน-วิน หวังคนไทยในต่างแดนได้รับชมกันทั่วหน้า คนต่างชาติในเมืองไทยได้รับชมเช่นเดียวกัน พร้อมเดินหน้าทำตลาดในเอเชียเต็มกำลังต้นปีหน้า

นายโฆสิต สุวินิจจิต ประธานกรรมการ บริษัท เอเชีย เทเลวิชั่น แอนด์ มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า กระแส “ไอพีทีวี” หรือการรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต (Internet Protocol Television)ในประเทศไทยกำลังมีการเติบโตที่น่าสนใจ ทางบริษัทฯจึงได้มีการจับมือกับทาง บริษัท จั๊มทีวี อินเตอร์เนชั่นแนล เอฟแซ็ค แอลแอลซี ผู้นำทางด้านโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต ระดับโลก ที่ขณะนี้มีการให้บริการกว่า 240 สถานี ใน 65ประเทศ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการให้บริการในแถบละตินอเมริกามากกว่า ในการที่นำเอา ไอพีทีวี เข้ามาให้บริการในไทย

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทฯมองว่า เป็นการทำธุรกิจแบบ วิน-วิน โดยการเป็นช่องทางหนึ่งที่จะนำเสนอคอนเท้นท์รายการต่างๆในประเทศไทยไปสู่สากลได้ ขณะที่คนไทยในต่างประเทศก็จะได้รับชมได้ด้วย ส่วนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยก็จะได้รับชมรายการที่บ้านเกิดเช่นเดียวกัน ขณะที่ทางเราไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดเพียงแค่ป้อนคอนเท้นท์ให้แก่จั๊มทีวีเท่านั้น โดยทางจั๊มทีวี จะเป็นผู้ลงทุนทางด้านเทคนิคทั้งหมด

“การเจรจาระหว่างบริษัทฯกับทางจั๊มทีวีนั้น มีมานานแล้ว แต่ได้มีการตกลงที่จะร่วมมือกันตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยทางบริษัทฯ ได้จัดตั้งทีมงานจั๊มทีวีขึ้นมา อยู่ภายใต้หน่วยงานหนึ่งของบริษัทฯ คือ หน่วยงาน บิซิเนส ดิเวลลอปเม้นท์ ที่จะเข้ามาดูแล โดยจะมีหน้าที่ในการทำตลาดในประเทศไทยให้ทั้งหมด รวมถึงทำตลาดในประเทศในแถบเอเชียให้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน”

สำหรับประเทศไทยนั้น ขณะนี้ทางบริษัทฯได้เริ่มมีการเข้าไปเจรจากับทางสถานีโทรทัศน์ ทั้ง ฟรีทีวี และเคเบิ้ลทีวีทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างดี และในขณะนี้มีสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3ได้ตอบตกลงในการที่จะนำคอนเท้นท์รายการทั้งหมดที่มีอยู่ มาให้บริการผ่านช่องทาง ไอพีทีวี ภายใต้เวบไซต์ www.jumptv.com เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

สำหรับการทำการตลาดนั้น จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.จะเป็นในส่วนของสถานีโทรทัศน์ทั้งแบบฟรีทีวี และเคเบิ้ลทีวี ทั้งหมด ที่จะมีการเข้าไปแนะนำให้รู้จักกับไอพีทีวี 2.ด้านผู้บริโภคจะมีการทำการประชาสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น ขณะที่มองว่าชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จะมีผู้เข้าในบริการประมาณ 30% โดยผู้ที่เข้าใช้บริการนั้น จะเสียค่าใช้จ่ายในการเป็นสมาชิกเฉลี่ยประมาณ 9-10 เหรียญ ต่อ 1 สถานี ต่อ เดือน

นายโฆษิต กล่าวต่อว่า การร่วมงานกันในครั้งนี้ ทางบริษัทฯจะมีรายได้จากการเป็นผู้บริหารดูแลการทำตลาดให้ทั้งหมด โดยนอกจากการทำตลาดในประเทศไทยแล้ว บริษัทฯยังได้รับความไว้วางใจให้ดูแลการทำตลาดในภูมิภาคเอเชียทั้งหมดอีกด้วย โดยในปีหน้าจะเริ่มเข้าไปทำตลาดในประเทศอย่างจริงจัง อาทิ เช่น จีน เวียดนาม มาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด

อย่างไรก็ตามในอนาคต ทางบริษัทฯมีแนวโน้มที่จะจัดทำสถานีขึ้นมาป้อนให้กับทางจั๊มทีวีอีกด้วย แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด