พ่อมดการเงิน "ปิ่น จักกะพาก" อดีต บอส กลุ่มเอกธนกิจ ยันไม่กลับเมืองไทย
อ้างเหตุขบวนการยุติธรรมไทย ไม่โปร่งใส แถมกระสุนเมืองไทยราคาถูก ขณะนี้หาลำไพ่พิเศษเป็น
ผู้จัดการกองทุนในประเทศอังกฤษ
นายปิ่น จักกะพาก หนีออกจากประเทศไทยปี 2541 ช่วงที่บริษัทเงินทุนเอกธนกิจ ถูกธนาคาร
แห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังสั่งปิด พร้อมๆกับ 55 บริษัทเงินทุนและหลักทรพัย์อื่น
ๆ ซึ่งนายปิ่นถูกธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ บริษัทเงินทุนเอกธนกิจ
ซึ่งเขาและครอบครัวถือหุ้นใหญ่และบริหาร งานช่วงที่นายปิ่นหนีออกจากประเทศไทย เป็นช่วงที่อดีตพ่อมดการ
เงินอีกราย นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษา อดีตกรรมการผู้จัด การใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ
นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพพาณิชยการใหญ่
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า
ระหว่างที่เขาไปรวมทำโรดโชว์กับกระทรวงการคลัง 12 บริษัทจดทะเบียนไทยและ 1 รัฐวิสาหกิจไทย
ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ สัปดาห์ที่แล้ว ได้พบกับนายปิ่น จักกะพาก ในฐานะคนคุ้นเคย
นายกิตติรัตน์ เป็น 1 ในอดีตผู้บริหารกลุ่ม เอกธนกิจ ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
วรรณ ที่กลุ่มเอกธนกิจเคยถือหุ้นใหญ่ และถือเป็นหนึ่งคนสนิทของนายปิ่น
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่าขนาดนี้นายปิ่นได้รับใบอนุญาตจากทางการอังกฤษ ให้ประกอบอาชีพผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล
เขากล่าวว่านายปิ่น ไม่มีแผนที่จะกลับประเทศไทยขนาดนี้
ก่อนหน้านี้นายปิ่น เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารต่างประเทศ ว่าสาเหตุที่ไม่กล้ากลับเมืองไทย
เพราะไม่แน่ใจ ขบวนการยุติธรรมของไทย ที่สำคัญคือ เขากลัวถูกเก็บ "เพราะค่าจ้างมือปืนใน
เมืองไทยไม่ถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐ" แต่ทางการไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย พยายามหลายครั้งในการส่งตัวแทน
ไปขอร้องให้นายปิ่นกลับมาสู้คดีในประเทศไทย แต่นายปิ่นปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลดังกล่าว
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า นายปิ่นพูดกับตนว่า รัฐบาลไทยปัจจุบันใช้นโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ถูกทางแล้ว
ผลโรดโชว์ประสบความสำเร็จ
ส่วนผลของการทำโรดโชว์ตลาดทุนไทย ในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา นายกิตติรัตน์ซึ่งพึ่งกลับจากการทำโรดโชว์ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
กล่าวว่า ผลของโรดโชว์ประสบความสำเร็จอย่างดี นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ 12 บริษัทจดทะเบียน
ไทยที่ร่วมทำโรดโชว์อย่างดี โดยเฉพาะต่อบมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และธนาคารกรุงเทพ
สำหรับที่ชิกคาโก้ ตัวแทนของไทย พบกับ 16 นักลงทุนสถาบันอเมริกัน ซึ่งตนได้บอกกับนักลงทุน
เหล่านี้ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับบรรษัทภิบาล อย่างมาก นักลงทุนยังสอบถามถึงการกระจายการถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทย
ซึ่งนายกิตติรัตน์เชื่อว่า หากบริษัทจดทะเบียนไทยขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ระบบบรรษัทภิบาลจะดีขึ้น
พร้อมกันนี้ นักลงทุนเหล่า นี้ยังแนะนำให้ฝ่ายไทยเดินทางมาให้ข้อมูลกับพวกเขาสม่ำเสมอ
ตลาดหลักทรัพย์มีแผนทำโรดโชว์ในเอเชียช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยและประเทศตะวันตกต่อเนื่องช่วงครึ่งหลังของปี
โดยจะทิ้งช่วงห่างการทำโรด โชว์แต่ละไตรมาสไม่ต่ำกว่า 60 วัน หลังจากที่ผลประ กอบการรายไตรมาสของบริษัท
จดทะเบียนไทยประกาศ
นักลงทุนสถาบันที่ไปทำโรดโชว์คราวนี้ยังสนใจ บริษัทจดทะเบียนไทยขนาดกลางอื่นๆ
เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว บริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นตะวันตกซึ่งมีขนาดใหญ่ปัจจุบันก็เติบโตจากบริษัทขนาดกลางและเล็กมาก่อน
เขาเชื่อมั่นว่า หลังจากทำโรดโชว์แต่ละครั้ง นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้จัดการกองทุน
ต่างๆ จะเฝ้าติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่พวกเขาได้พบปะอย่างแน่นอน
ซึ่งจะเป็นพัฒนาการที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันลงทุนในตลาดทุนไทยต่อเนื่องระยะยาวต่อไป