|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2549
|
|
ภาพฮิปปี้ยุคซิกตี้ที่เห็นบนโบรชัวร์ คือ Maya Romanof หนุ่มผมยาวที่ศึกษาจบคณะมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของธุรกิจบริษัท Maya Romanof ในชิคาโก มูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
ระยะเวลาดำเนินธุรกิจ 37 ปี ได้สร้างชื่อเสียงแก่ Maya Romanof ในตลาดลูกค้าระดับ high-end ราคาแพง ซึ่งบรรดาสถาปนิกและมัณฑนากรชื่อดังนิยมนำมาออกแบบและตกแต่ง เขามีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นโรงแรม โดยตลาดหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และฮ่องกง ส่วนตลาดอาเซียนอยู่ที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และมาเลเซีย ขณะที่ลูกค้าระดับดารานักร้องชื่อดัง ก็มีบริทนีย์ สเปียร์ เป็นต้น
ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของ MCX หรือ Material ConneXion® ที่นิวยอร์ก Maya Romanof สามารถขยายฐานกลุ่มคนที่รู้จักเขากว้างขึ้น ทั้งลูกค้ากราฟิกดีไซเนอร์ นักออกแบบตกแต่ง สถาปนิก มัณฑนากร ผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงเป็นที่รู้จักของแกลเลอรี่และมิวเซียม
ช่องทางนี้เองที่เชิญชวนให้ Maya Romanof เข้ามาจัดแสดงนิทรรศการที่ Material ConneXion® Bangkok ซึ่งมีชมพูนุช วีรกิตติ์ เป็นผู้อำนวยการดูแลจัดการบริหารศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุเพื่อการออกแบบและกระบวนการผลิตใหม่ๆ มากกว่า 3,000 รายการ ที่แยกเป็นโพลิเมอร์ แก้ว เซรามิก คาร์บอน ซีเมนต์ โลหะ วัสดุธรรมชาติ และวัสดุแปรรูปจากธรรมชาติ
ดังนั้น ห้องนี้เป็นที่มาของแรงบันดาลใจใหม่ๆ ของนักสร้างสรรค์ออกแบบมานักต่อนักแล้ว จนได้ชื่อว่าเป็น "Leading Edge innovators"
สำหรับนิทรรศการ Maya Romanof : Extraordinary Surfacing Materials ได้เน้นแสดงชิ้นงานนวัตกรรม อันมีดีไซน์เรียบแต่หรู ประณีตด้วยงานฝีมือ (craftsman) เน้นจุดเด่นคือใช้วัสดุธรรมชาติ ที่แสดงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและหลากหลายการใช้งาน
ดังผลงานโดดเด่นที่ปรากฏ เช่น "Beadazzled" วัสดุบุผนังที่มีผิวสัมผัสเป็นลูกปัดแก้วเล็กๆ ที่แวววาว (Flexible Glass Bead Wallcovering) Maya Romanof ได้นำนวัตกรรมนี้ไปสร้างสรรค์งานจิตรกรรมฝาผนังรูปเกอิชา (mural) ที่ทางบริษัท Rockwell group ทำให้กับ Geisha Restaurant ในนิวยอร์กซิตี้
นอกจากนี้ยังมี wallcovering ทำด้วยเปลือกหอยมุกบางเฉียบ หรือแผ่นไม้บางๆ ที่แกะสลักลวดลายวิจิตรด้วยเลเซอร์ wallcovering เหล่านี้ถูกจัดวาง ดัดโค้งมน ม้วน อวดผิวสัมผัสอย่างเร้าใจ
"งานนี้ถือเป็นผลงานของดีไซเนอร์ชาวนิวยอร์ก Dror Benshetrit ซึ่งเป็นคนดีไซน์งานที่โชว์ทั้งหมดในนิทรรศการนี้ ซึ่งเป็น Wall covering & Surfacing ลักษณะแผ่นบางๆ ทาง Dror จึงออกไอเดียว่า ทำไมไม่โชว์ในลักษณะดัดแผ่นวัสดุให้เป็น art form โดยเขาส่งร่างต้นแบบมาให้เราทำในไทย โดยเขาแนะนำว่า ควรจะใช้อะลูมิเนียมหรือเหล็กขนาดเท่าไรจึงจะสามารถดัดได้รูปร่างประมาณนี้ จากนั้นเขาถึงส่งผลิตภัณฑ์พวกนี้มาติดทีหลัง" ผู้อำนวยการชมพูนุชเล่าให้ฟัง และกว่าที่ Maya Romanof จะมาที่นี่ ต้องคุยติดต่อกันนานพอควร
"ตอนแรกๆ คุยกันเบื้องต้น เหมือนกับว่าจะให้ทางนี้ช่วยหาซัปพลายเออร์หรือตัวแทนจำหน่ายในไทย ซึ่งตลาดบ้านเรายังรู้จักแบรนด์ของเขาไม่มากนัก ล่าสุดเขาเดินทางมาทำธุรกิจที่มาเก๊า ฮ่องกง ก็เลยต่อมาที่ไทย" นี่คือเบื้องหลังการจัดนิทรรศการ
การเดินทางมาไทยครั้งนี้ Maya Romanof พร้อมด้วยภรรยา Joyce ในฐานะ President ซึ่งเพิ่งจะมาไทยครั้งแรก เธอเล่าว่าทำกระเป๋าเงินหล่นหายบนเครื่อง กว่าจะตามเจอ ก็ต้องนั่งรอในห้องรับรองของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ซึ่งเธอได้เห็นวอลล์เปเปอร์ลวดลายไทย และเป็นเหตุจูงใจอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอซื้อผลิตภัณฑ์ไหมไทยจากจิม ทอมป์สัน ไปจำนวนมาก
นอกจากนี้หลานสาว Laura ซึ่งดูแลด้านการตลาดและการขาย ในฐานะ VP Sales & Marketing ยังให้ความสนใจติดต่อขอนัดคุยกับซัปพลายเออร์ไทยบางราย เช่น บริษัท โยทะกา ซึ่งเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านที่ทำจากหวาย และของกลุ่มดาวรัฐที่ลำปาง
Joyce ในฐานะ President เล่าให้ฟังว่า โรงงานนอกสหรัฐฯที่มีอยู่ขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 6 แห่ง ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฟิลิปปินส์ อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี โดยกระบวนการผลิตสินค้าบางอย่างต้องอาศัยวัตถุดิบจากประเทศหนึ่ง และกว่าจะผลิตเสร็จก็ต้องไปอีกที่หนึ่ง เพื่อให้ได้คุณภาพงานที่ดีเลิศและแตกต่างกว่า ซึ่งทุกชิ้นงานเป็นการ made to order
อย่างไรก็ตาม การจะเป็น Trend setter ในวงการธุรกิจนี้ได้ เธอบอกว่า เป็นการทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ชั้นนำของโลก ซึ่งกำหนดเทรนด์ของสี ความนิยม ผิววัสดุ ฯลฯ
ปัจจุบัน Maya Romanof ในฐานะ Chief Creative Officer ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านออกแบบ เนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย โดยมีภรรยาคอยช่วยบริหารธุรกิจ ซึ่งมีคนงานกว่า 50 คน ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานกันมานานตั้งแต่ 15-25 ปี
"เราพยายามทำแบบนี้ โดยเชื่อมโยง Material ConneXion® อื่นๆ เพื่อให้คนเห็นและรู้จัก เราจะจัดให้ส่วนสมาชิก TCDC กลุ่มพรีเมียมและซิลเวอร์ สามารถเข้าชมได้ อย่างน้อยวัสดุของไทยจะไปโชว์ในงาน BIG+BIH 2006" ชมพูนุช Director ที่นี่กล่าว
ปัจจุบัน TCDC ได้ผลักดันวัสดุเพื่อการออกแบบที่ผลงานของคนไทยขึ้นทำเนียบ Material ConeXion® ของโลกได้แล้วถึง 40 รายการ และเป็นที่รู้จักของนักออกแบบทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
|
|
|
|
|