Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 มกราคม 2546
แนวคิด"สุวิทย์ เมษินทรีย์" ยกเครื่องยุทธศาสตร์ทศท.             
 


   
www resources

โฮมเพจ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ทศท คอร์ปอเรชั่น
สุวิทย์ เมษินทรีย์




เปิดแนวคิด "ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์" คนสานฝัน "หมอเลี้ยบ" ยกเครื่องยุทธศาสตร์ทศท. ย้ำมี 4 ประเด็นหลักที่ต้องหารือจุดยืนทศท.เรื่องแปรสัญญา ผลกระทบการ เข้าตลาดฯ แนวทางสร้างความเข้มแข็ง องค์กร และไทยโมบายมือถือ 1900 ที่ต้องล้างภาพเดิม คิดใหม่ทำใหม่ ตั้งแต่จำเป็นต้องมีหรือไม่ ถ้ามีต้องหาจุดแข็งจุดขายอย่างไร และประเด็นเด็ดความได้เปรียบไลเซนส์ 3G รายเดียว ในประเทศ

ในวันที่ 2 ก.พ.ที่จะถึงนี้ บอร์ดทศท.ชุดใหม่จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับคณะผู้บริหารของบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่นหรือทศท. ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ปรึกษารมว. กระทรวงการคลังในฐานะกรรมการบอร์ด และเป็นนักวิชาการที่น.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.กระทรวงไอซีที ตั้งความหวังว่าจะเข้ามาช่วยด้านยุทธศาสตร์การตลาดของทศท.

เวิร์กชอปดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็น เพราะนโยบายรัฐในเรื่องแปรสัญญาสัมปทานที่เปลี่ยนส่วนแบ่งรายได้บางส่วนให้มาเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้ยุทธศาสตร์ต่างๆที่ทศท.ทำมาแต่เดิม จำเป็นต้องทบทวนหรือเปลี่ยนแปลง ภายใต้กรอบและแนวคิดที่บอร์ดทศท. จะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์เชิงนโยบายให้ทศท.เดินตาม

ดร.สุวิทย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงโจทย์ที่ผู้บริหารทศท.ควรมีคำตอบ ในวันประชุมเวิร์กชอปว่า ทศท.อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีพลวัตรสูง ไม่ว่าจะเป็นทิศทางของผู้บริโภค ในภาวะที่การ แข่งขันจากเดิมที่ผูกขาด มาเป็นแข่งขันสูง องค์กรจะปรับตัวอย่างไร และเรื่องประสิทธิภาพในองค์กรเอง

ทั้ง 3 ปัจจัยในภาวะการแข่งขันรุนแรง ภาวะพลวัตรสูงในเรื่องความต้องการของตลาด ในเรื่องเทค-โนโลยีและขีดความสามารถในการแข่ง ขันและประสิทธิภาพ ล้วนแต่เป็นประเด็นท้าทายทศท.ในปัจจุบัน

4 ประเด็นร้อนทศท.

ถ้ามองดูมี 4 ประเด็น ในเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องมาคุยกัน และตัด สินใจประกอบด้วย 1.เรื่องการแปรสัญญา ทศท.จะมีจุดยืนในส่วนนี้อย่างไร ซึ่งต้องมองประโยชน์ชาติเป็น หลัก 2.การแปรสัญญาจะส่งผลการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย ทศท.จะหาจุดที่เหมาะสมและลงตัวได้อย่างไร เป็น 2 เรื่องแรกที่พันกันอยู่

3.ความแข็งแกร่งขององค์กรจะต้องมาพิจารณาทบทวนหรือไม่ ระหว่างการรวมกันของทศท.และการสื่อสารแห่งประเทศไทย(กสท.) ต้องมามองดูว่าสภาพการดำเนินธุรกิจในอนาคตซึ่งจะเปลี่ยนไปจากเดิมแน่นอน ต่างฝ่ายจะต่างดำเนินธุรกิจกันไปอยู่ในรูปแบบเดิมหรือจะมา Synergy กัน

4.ประเด็นการให้บริการโทยโม-บายโทรศัพท์มือถือความถี่ 1900 เมกะ เฮิรตซ์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการรวมกิจการกันระหว่างทศท.กับกสท. ซึ่งมีอีก 2- 3 ประเด็นในส่วนนี้คือ 4.1 คู่แข่งในธุรกิจมือถือ รายใหญ่ทั้งนั้นไม่ว่าเอไอเอส ดีแทค ออเร้นจ์ การเข้าสู่ อุตสาหกรรมนี้ต้องคิดว่าจำเป็นจะต้อง เข้าหรือไม่ ถ้าจะเข้าจะต้องเข้าอย่างไร ในขณะที่ 3 รายแรกยึดครองตลาดไว้แล้ว ไทยโมบายจะค่อยเป็นค่อยไปหรือก้าวร้าวรุนแรง

4.2 ถ้าไทยโมบายจะก้าวร้าวรุน แรง ทศท.คาดหวังอะไร หวังส่วนแบ่ง ตลาดแค่ไหน และจะมีกลยุทธ์ในการเจาะทลวงแย่งส่วนแบ่งตลาดจากชาวบ้านที่เป็นบิ๊กทรีได้อย่างไร

4.3 หรือในขณะที่ทศท.มีจุดแข็งที่มีไลเซ็น 3G รายเดียว ตอนนี้จะค่อยเป็นค่อยไปก่อนแล้วรอเข้าไปครองตลาด 3G เพราะทศท.เป็นคนบุก เบิกก่อนหรือไม่ แต่จุดที่น่าระวังคือกว่าจะถึงเวลานั้นจะมี 4G มาหรือไม่ เป็นประเด็นที่จะต้องถกเถียง และ4.4 ปัจจุบันที่มีซูเปอร์บอร์ด การทำงานมีความคล่องตัวจริงหรือไม่ ต้องทบทวน เพราะตอนนี้ทุกอย่างดูจะร่วมทุนกันไปหมด แม้กระทั่งการจัดการก็ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย

ในธุรกิจที่มีพลวัตรสูง ความคล่องตัว การตัดสินใจ เป็นเรื่องสำคัญ การมีซูเปอร์บอร์ด การมีทีมแมเนจ-เมนต์ร่วมกัน องค์กรแบบนี้จำเป็นหรือไม่

ทั้งหมดนำมาสู่การที่มองว่าโอกาสในการสร้างรายได้หรือการสร้าง มูลค่าในองค์กรหลังแปรสัญญาจบไปแล้วมันจะมาจากไหน ต้องยอมรับว่ารายได้ 40-50% ของทศท. มาจากส่วน แบ่งรายได้สัมปทาน

แต่ในช่วงให้สัมปทานมันก็มีเงื่อนไขทำให้ทศท.ไม่สามารถไปลงทุน ในสิ่งที่ทศท.ให้สัมปทานเอกชนไป ในช่วงนั้นดูเหมือนเป็นเสือนอนกิน แต่ทศท.ก็มีข้อจำกัดไม่ให้มีการลงทุน เข้าไปในอุตสาหกรรมเหล่านั้น

ถึงจุดนี้ทศท.จะฟื้นขึ้นมาจากยักษ์หลับเป็นยักษ์ตื่นได้อย่างไร จะต้องมานั่งทบทวน ขอบเขตของธุรกิจในอนาคต ซึ่งต้องดูจากพื้นฐาน 8 กลุ่มธุรกิจ มีศักยภาพในการทำกำไร ในการเป็นผู้นำตลาดหรือในการแข่งขัน เป็นอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องโทรศัพท์พื้น ฐานจะมีทิศทางเช่นไร ทศท.ยังมีจุดแข็งในเรื่องเน็ตเวิร์ก มีบริการเสริมมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่การใช้งานลดลง หรือเรื่องโทรศัพท์สาธารณะ ตราบใดที่ยังไม่มีคณะกรรมการกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ทศท. ก็สามารถขยายบริการโทรศัพท์สาธารณะไปได้เรื่อยๆ ยุทธศาสตร์ทศท.ควรยึดครองความเป็นผู้นำในตลาดนี้

"โทรศัพท์สาธารณะมันเหมือน Cash Machine ปั๊มเงินได้สบายเครื่องละ 3-4,000บาท ประเด็นคือเราครอบคลุมได้หมดหรือยังเฉพาะใน ไพรม์แอร์เรีย และในส่วนที่ 2 ปัญหาคือไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเครื่องเพิ่มเติม แต่เครื่องที่มีอยู่มันเป็นเครื่องเก่า ใช้งานไม่ได้มาก ตรงนี้ตัดโอกาสในการเก็บเงิน จะทำอย่างไร"
ประเด็นหลักคือในการเพิ่มรายได้ มีหลายจุด อย่างเรื่องเน็ตเวิร์กที่มี อยู่ ทศท.จะให้เอกชนเช่าแล้วให้บริการ อย่างเดียวหรือจะใช้วิธีร่วมทุนกัน เป็นประเด็นท้าทายที่ต้องมาทบทวน ในบางเรื่องต้องรอบคอบแต่บางเรื่องจำเป็นต้องรีบตัดสินใจ

ยุทธศาสตร์การตลาดของทศท.

ดร.สุวิทย์กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้อง ยอมรับว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ที่สุดต้องกลายเป็นคอนซูเมอร์ โปร-ดักต์ไปหมด มันเป็นเรื่องของอุตสาห-กรรมว่าด้วยคอนเทนต์โพรวายเดอร์ เหมือนเป็นคอนซูเมอร์ฟูด ที่เป็นส่วน หนึ่งของไลฟ์สไตล์คน ทศท.ต้องมองในแต่ละส่วนของตลาดว่าตลาด B2B, B2C ว่าจะเข้าไปเล่นอย่างไร

ในที่สุดแล้วในเรื่องเทคโนโลยีมันคอนเวอร์เจนต์ อุตสาหกรรมมันคอนเวอร์เจนต์ ธุรกิจต่างๆมันคอน-เวอร์เจนต์ จะต้องหาจุดแข็งที่สุดของทศท.ให้เจอแล้วต้องหาแนวร่วมเพื่อสร้างเครือข่ายของพันธมิตร ทศท.จะร่วมค้า ร่วมแข่งกับใครได้บ้าง

แต่สิ่งที่สำคัญจุดหนึ่งที่จะตอบคำถาม คนที่จะชนะในอุตสาหกรรมนี้คือคนที่เข้าใจคอนซูเมอร์ได้มากน้อย เพียงใด เพราะเทคโนโลยีมันเปลี่ยน แปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญคือถ้าทศท.จับใจ จับทางคอนซูเมอร์ได้ในระยะยาว ลงทุนในส่วนเกี่ยวกับตัวลูกค้า ทศท.ก็คงจะไปได้

"คำถามง่ายๆของผมว่าทศท. ไม่มีโทรศัพท์มือถือได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ยังไงต้องมีเพราะมันเป็นอนาคต ยกตัวอย่างพวกดอทคอมพังกันเป็นแถบ แต่ตอนนี้พวกคอนเทนต์โพรวายเดอร์ ต่างๆ มาใช้ M-Mobile ซึ่งบางบริษัท อย่างแกรมมี่ ได้กำไรจากตรงนี้ไม่น้อย 10-20 ล้านจากพวกโลโก้ ริงโทน" เขาย้ำว่า ทศท.คงต้องมานั่งดูคำถามง่ายๆ แต่ต้องตรงไปตรงมาว่า

ทศท.จะทิ้งโทรศัพท์มือถือที่มีแนวโน้มจะโตวันโตคืนหรือไม่ ถ้าไม่ทิ้งจะวางตัวเองไว้ในสถานภาพแบบไหนจะเป็นผู้ท้าทายหรือเป็นแค่ผู้ตาม ไปก่อน หรือถ้าจะเป็นผู้ท้าทาย (ชา-แลนเจอร์)ทศท.ก็ต้องลงทุนอีกจำนวน มาก ประเด็นคือทศท.จะลงทุน ในเรื่อง อะไรที่พอจะตอบผู้ถือหุ้นได้ว่าสามารถ ที่จะเป็นนิชมาร์เก็ต มีส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย

"ตอนนี้ทศท.กำลังเผชิญสิ่งท้า ทายหลายมิติ ไม่ว่ามิติเรื่องแปรสัญญา มิติเรื่องการเข้าตลทด. มิติเรื่องคอนซูเมอร์ ไดนามิค ที่มันเปลี่ยนไปตลอด เวลา"

เขากล่าวว่าอย่างปีที่แล้ว ทศท. กำไรมหาศาลจากที่เอไอเอสบูม ตัวเลขคนใช้โทรศัพท์มือถือมันโตกว่าโทร.พื้น ฐานไปเป็นเท่าตัวแล้ว ตรงนี้บอร์ดต้อง มาตัดสินใจว่าถ้าจะเดินหน้า เดินหน้าอย่างไร ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าต้องการอะไรกันแน่ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แล้วมันจะง่ายกับฝ่ายจัดการ ที่จะดำเนินตามนโยบายที่กำหนดไว้

"ไทยโมบาย 1900 ถ้าต้องการทำให้เกิดอย่างน้อยต้องค้นหา 2-3 ประเด็นคือ 1.ต้องหาจุดแข็ง 2.จะเชื่อมหรือมีลูกเล่นกับฟิกซ์ไลน์ได้อย่างไร 3.การหาพันธมิตรเรื่องคอน-เทนต์โพรวายเดอร์อย่างไรต้องหาจุดที่เป็นนิชมาร์เก็ตให้ได้ เราไม่ใช่เบอร์ 1 หรือ 2 แต่เราเป็นเบอร์ 4 ต้องปล่อยให้ 3 ราย ตีกันเอง แต่ประเด็นคือต้อง หาตลาดหรือเซกเมนต์ไหน ที่เราเข้มแข็งสุดๆหรือคู่แข่งไม่อยากเข้ามา"

ต้องยอมรับว่าเวลาเข้าสู่ธุรกิจ ไทยโมบายช้าไปมาก 3 รายสร้างตลาด ใหญ่มาก ถ้าเจะขยายผลด้านการ ตลาดอาจติดปัญหาด้านอินฟรา- สตรักเจอร์เครือข่ายไม่พอ การทำงาน ในรูปรัฐ การจัดซื้อแบบรัฐ ประเภทสัญญาหนาเป็นปึกในขณะที่เอไอเอสเหลือแผ่นเดียว จะไปสู้อะไรกับคู่แข่ง ได้ แค่นี้ก็ตายแล้ว

"การทำงานภายใต้ข้อจำกัด ต้องดูว่าข้อจำกัดอันไหนไม่จำเป็น ซึ่งผมคิดว่าทศท.ทำงานภายใต้เงื่อนไขไม่จำเป็นมาก ต้องยกประเด็นนี้ขึ้นมา"

ในความคิดของดร.สุวิทย์ อยากให้ทศท.ต้องเป็นเบอร์1ในภาวะแวด-ล้อมการแข่งขัน เป็นเบอร์ 1 ในบางเรื่องแต่ไม่ต้องเก่งทุกเรื่อง เป็นองค์กร ที่มีบทบาทนำในการแข่งขัน อาจไม่ใช่มาร์เก็ต ลีดเลอร์ แต่ก็ทำกำไรในระดับหนึ่ง เป็นองค์กรที่เก่งในบางด้าน แต่ลึกในบางเรื่อง

"ถ้าทิศทางยุทธศาสตร์เคลียร์กลยุทธ์การตลาดจะตามมาเอง ถ้ากลยุทธ์การตลาดเคลียร์เราก็มาดูว่าเรามีศักยภาพความพร้อมมากแค่ไหน บางส่วนทำเองไหว ก็อัพเกรดคนของเราทำ ถ้าไม่ไหวก็หาพาร์ตเนอร์ บางส่วนไม่ไหว เอาต์ซอร์ตเพื่อตอบยุทธ-ศาสตร์ของเรา แต่ที่สำคัญต้องรู้ทิศทาง เชิงยุทธศาสตร์ขององค์กรนี้"

ทศท.ต้องวิเคราะห์ว่าแต่ละกลุ่ม มีจุดแข็งตรงไหนศักยภาพตรงไหน จุดอ่อนตรงไหน แต่ละกลุ่มรวมพลังอย่างไร เขาเชื่อว่าจะทำอะไรก็ตามต้อง รู้ว่าหัวใจอยู่ตรงไหนแล้วกุมหัวใจไว้ให้ได้ส่วนที่เหลือ ร่างกาย อวัยวะส่วน อื่น ไม่มีเวลาสร้างก็ซื้อเอา

สำหรับ8 กลุ่มธุรกิจ ต้องวิเคราะห์ว่าครบแล้วหรือยัง หรือบางเรื่องมันเชื่อมต่อกันอย่างไร หัวใจอยู่ตรงไหน โอกาสที่จะทำกำไรมาจากไหน ต้องมองทั้งข้างนอกเข้าใน และมองจากข้างในออกไปนอก มองแนวโน้มอุตสาหกรรมนี้ดูชาวบ้านทำอย่างไร ต่างประเทศเป็นอย่างไร ธุรกิจขับเคลื่อนเช่นไร แล้วมองว่า 8 กลุ่มธุรกิจ ดังกล่าวไปถึงจุดที่ทศท.ต้องการอย่าง ไร ถ้า 8 กลุ่มธุรกิจไม่พอ ภาพไม่สมบูรณ์ต้องมีกลุ่มที่9หรือ10ก็ต้องมี หรือจัดกลุ่มใหม่ให้เหลือแค่ 4 กลุ่มก็ทำให้ภาพสมบูรณ์ได้ก็มีแค่ 4 กลุ่มก็พอ

"ผมชอบดูกลยุทธ์นำโครงสร้าง ไม่ชอบเอาโครงสร้างนำกลยุทธ์เราต้อง สร้างคอมมอน กราวน์ เพื่อกำหนดคอมมอนโกล เพื่อเข้าใจร่วมกัน เมื่อได้อย่างนั้นกลยุทธ์จะตามมา"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us