สหวิริยาสตีลอินดัสตรี โชว์ผลงานไตรมาส 3 พลิกฟื้นจากขาดทุนกว่า 657 ล้านบาท ในปี 2548 เป็นกำไรสุทธิ 642 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 200% ขณะที่ 9 เดือนกำไรสุทธิรวม 2.2 พันล้านบาท ด้านผู้บริหาร เดินหน้าขยายตลาดส่งออก หลังจากประสบความสำเร็จยอดส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 42% ตามทิศทางความต้องการใช้เหล็กโลก
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดปรับผิวและเคลือบน้ำมันจำนวน 10,653.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 642.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197.76% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 657 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 2549 มีรายได้จากการขาย 28,004.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,238.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,345.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 150.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 ที่กำไรสุทธิ 892.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.17 บาท
"แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอยู่ในภาวะชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี และราคาเหล็กยังคงผันผวนตลอดเวลา บริษัทยังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนกว่า 200"
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัท สืบเนื่องจากบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เหล็กของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในไตรมาสนี้บริษัทได้เร่งขยายสัดส่วนตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 16% ของปริมาณการขายรวม เป็น 42% ของปริมาณการขายรวม นับเป็นปริมาณที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง เอเชีย และยุโรป
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการ 1,653.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ซึ่งเท่ากับ 541.2 ล้านบาท และมีการปรับลดสินค้าคงคลังเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ จากความพร้อมในการบริหารจัดการด้านวัตถุดิบ บวกกับศักยภาพในการแข่งขันระดับสากล และมีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ของบริษัทฯ ซึ่งสร้างความได้เปรียบในระบบขนส่งสินค้าไปตลาดต่างประเทศ ประกอบกับภาวะอุตสาหกรรมเหล็กโลกโดยรวมมีแนวโน้มขยายตัวในทิศทางที่ดีจากปริมาณความต้องการใช้เหล็กโลกที่มีมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายการส่งออกได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2549
|