บล.กรุงศรีฯ คาดการณ์รายได้กลุ่มสื่อโทรทัศน์ไตรมาส 3/49 ลดลงเหตุช่วงโลว์ซีซัน ระบุ อสมท แม้ว่าราคาหุ้นจะสะท้อนการลาออกของ "มิ่งขวัญ" มากแล้ว แต่ยังแนะนำขาย คาดรายได้โฆษณาจากภาครัฐปี 50 ลดลง ขณะที่ BEC แม้ว่ากำไรสุทธิจะเติบโตถึง 77% จากปีที่ผ่านมาแต่ลดลงถึง 21% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด คาดการณ์ผลการดำเนินงานกลุ่มสื่อโทรทัศน์ในช่วงไตรมาส 3/49 โดยระบุว่าการใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา แต่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา 2.3% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากช่วง Low season ของปี โดยคาดว่าบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT มีอัตราการเติบโตสูงสุด 24.2% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากการปรับผังรายการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้จากการออกอากาศรายการ Academy Fantasia III

ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดในไตรมาส 3/49 มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ลดลง เนื่องจากละครจาก ITV ได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้น

จากสถิติของ Nielsen Media Research (NMR) การใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ในไตรมาส3/49 มีมูลค่ารวม 13,716 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาแต่ลดลง 2.3% เมื่อเทียบระหว่างไตรมาสเพราะภาวะปกติของอุตสาหกรรมซึ่งมักจะอยู่ในช่วง Low Season ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลดลงเจ้าของสินค้าส่วนใหญ่ชะลอการใช้งบโฆษณา

บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า กำไรสุทธิบมจ.บีอีซี เวิลด์ในไตรมาส3/49 อยู่ที่ 365 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น 77% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา แต่เติบโตลดลง 21% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาและลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

ส่วนบมจ.อสมท คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส3/49 จะมีกำไรสุทธิ 317 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา แต่เติบโตลดลง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาและลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

ทั้งนี้ รายได้จากสื่อโทรทัศน์คาดว่าจะเติบโต 30% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาตามแนวโน้มเดียวกันกับสถิติของ NMR ซึ่งนอกจากจะมาจากการปรับผังรายการแล้ว MCOT ยังมีรายได้จากงานโปรเจกต์ อาทิเช่น Academy Fantasia III, ISUZU, Pepsi, Vitamilk งานส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับ PTT และงานประชาสัมพันธ์การเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ (AOT)

อย่างไรก็ตาม บริษัทแนะนำขายหุ้น MCOT โดยให้ราคาพื้นฐานที่ 33 บาท โดยราคาหุ้น MCOT แม้ว่าจะสะท้อนปัจจัยลบจากการลาออกของ ผอ. มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ไปพอสมควร แต่จากแนวนโยบายของกลุ่มผู้บริหารชุดใหม่ที่ยังไม่ชัดเจน ตลอดจนการใช้จ่ายโฆษณาของภาครัฐฯ ที่อาจจะลดลงในปี 50 คาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อรายได้ของ MCOT มากกว่าสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น เนื่องจากปัจจุบันรายได้จากงานโฆษณาให้กับภาครัฐฯ (และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ) มีสัดส่วนประมาณ 30-35% ของรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์