Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 ตุลาคม 2549
เค-เทคฉีกหนีรับเหมาบ้านจัดสรรหันเจาะโครงการโรงแรม-รีสอร์ท-ดึงซัปพลายเออร์คุมต้นทุน             
 


   
search resources

Construction
เค-เทค คอนสตรัคชั่น, บมจ.




ทายาทเค-เทค "โดมินิค เดอ เคโวเคียน" ปรับแนวธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หันเข็มทิศ 3 ทำเลใหญ่ พุ่งเป้ารับเหมาก่อสร้างในพื้นที่กทม.-พัทยา-ภูเก็ต ระบุเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตทางการลงทุน ระบุโรงแรม-รีสอร์ทเป็นลูกค้าใหญ่ในพอร์ต 50% เล็งบิดงานโรงแรม 4-5 โปรเจกต์ ประกาศเมินรับงานก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรร หลังไม่สอดรับกับรายได้และต้นทุน เดิมหน้าคุมต้นทุนดันกำไรสูงขึ้น

เพียงไม่ถึงทศวรรษ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัท เค-เทค คอนสตรัคชั่นฯได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รับรู้กันในวงการถึงความเชี่ยวชาญและชำนาญในการเข้าไปรับงานก่อสร้างทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน และต้องถือว่านายบ๊อบ เคโวเคีน อดีตประธานบริษัทฯเป็นวางรากฐานธุรกิจของบริษัทฯจนเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมาทุกวัน ล่าสุดทายาทคนสำคัญ ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในไทยต่อ

นายโดมินิค เดอ เคโวเคียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เทคฯ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTECH เปิดเผยว่า ในการเข้าไปรับงานก่อสร้างโครงการต่างๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจ โดยตนจะพยายามไม่รับงานก่อสร้างโครงการจำนวนเยอะๆ แต่มูลค่างานจะมีวงเงินที่มาก เนื่องจากจะทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แตกต่างจากอดีตที่บริษัทจะมีปริมาณงานค่อนข้างมากๆ กระจัดกระจายไปทั่วประเทศ เช่น การเข้าไปรับงานก่อสร้างในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นรับเหมาช่วงให้แก่ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย(เอดีบี) แต่บังเอิญในระยะนั้น เกิดวิกฤตเศรษฐกิจมีผลค่อนข้างมากต่อบริษัท ปัญหาต่างๆบริษัทต้องรับไปแก้ไขให้ลุล่วง

"นับจากนั้น บริษัทโฟกัสธุรกิจให้ชัดเจน โดยกำหนดจะมาเน้นงานภาคเอกชนเป็นหลัก เพราะบางครั้งการที่มีงานกระจัดกระจายไปทั่วไม่ค่อยดี รวมถึงการจะเข้าไปประมูลงานภาครัฐ บริษัทก็ต้องหาพันธมิตรที่เป็นคนไทยหรือเคยมีประสบการในการเข้าไปรับงาน เนื่องจากในบางครั้งก็รู้สึกไม่ดี เสนอราคาที่ต่ำไปก็ยังไม่ได้งาน แต่งานภาครัฐบางอย่าง บริษัทคงหลีกเลี่ยงไม่เข้าไป เช่น งานส่วนต่อขยายทางด่วน เพราะมีเจ้าเดิมที่มีภาษีมากกว่าบริษัท "นายโดมินิค กล่าว

โดยจากไปนี้ โครงสร้างของการเข้าไปรับงานของบริษัทฯ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพของการลงทุนของภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะให้น้ำหนักกับ 3 พื้นที่หลักๆ คือ พื้นที่ในกรุงเทพฯ ,จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดข้างเคียง และจังหวัดชลบุรี เนื่องจากทั้ง 3 ทำเล บริษัทมีความชำนาญและมีแรงงานที่จะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ ทั้งนี้ จะพบว่า งานในกรุงเทพฯจะมีสัดส่วนสูงถึง 50% ของมูลค่างาน ,ภูเก็ต ประมาณ 30-35% และ พัทยา 15-20% และในระยะยาวแล้ว มูลค่างานเฉลี่ยในแต่ละโครงการจะสูงต่อเนื่อง โดยปี 2548 มูลค่างานเฉลี่ยอยู่ที่ 250 ล้านบาท ปี 2549 เฉลี่ย 350 ล้านบาทและปี 2550 เฉลี่ย 450 ล้านบาท หรือมูลค่างานเฉลี่ยเติบโตประมาณ 10% ต่อปี

"การที่โฟกัส 3 จังหวัด เนื่องจากมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยมาตามลำดับ และที่สำคัญตนมองเห็นว่า โครงการก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯทำเลเริ่มเต็ม ขณะที่ค่าที่ดินแพงตามการเจริญเติบโต ทำให้การลงทุนของนักลงทุนมีข้อจำกัด แต่เริ่มเห็นการเคลื่อนไปลงทุนในต่างจังหวัดมากขึ้น ที่เห็นชัดๆ แม้แต่การซื้อขายที่ดินสถานฑูตอังกฤษ ตกต่อไร่ประมาณ 400 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นที่ดินติดทะเลในพัทยาตกต่อไร่ประมาณ 12-13 ล้านบาท อีกทั้งจังหวัดเหล่านี้ นักท่องเที่ยวนิยมมากพักผ่อน โดยเฉพาะที่จังหวัดภูเก็ต ที่มีโครงการที่พักตากอากาศ รีสอร์ทหรู เกิดขึ้นตามลำดับ "กรรมการผู้จัดการกล่าวถึงแหล่งที่มีโอกาสจะเข้าไปชิงงานรับเหมาก่อสร้างได้

เน้นประมูลสร้างโรงแรม-รีสอร์ท

นายโดมินิค กล่าวว่าโครงการที่บริษัทจะเข้าไปเสนอราคานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทโครงการโรงแรมและรีสอร์ท ปัจจุบันมีสัดส่วนของมูลค่างานถึง 50% และมีแผนที่จะเข้าไปประมูลอีก 4-5 โครงการ บางโครงการจะมีมูลค่างานประมาณ 250 ล้านบาท บางโครงการจะขนาดใหญ่มูลค่างานประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะลงทุนที่จ.ภูเก็ตและพัทยา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ตนคาดว่าภายในสิ้นปี 49 จะรู้ผลความชัดเจนประมาณ 2 โครงการหรืออาจเพิ่มขึ้นกว่าที่วางไว้ ส่วนอีก 3 โครงการคงต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ เนื่องจากมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เป็นคู่แข่งเสนอราคาเข้ามาชิงประมาณ 3-5 บริษัท ดังนั้น ประเภทของโครงการที่บริษัทจะมุ่งเน้นเข้าไปประมูลแยกเป็น โครงการโรงแรมและรีสอร์ท,โรงงานอุตสาหกรรม ,อาคารสำนักงาน ,โครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมจะที่มีแนวโน้มยอดขายได้ดี หรือมีโลเกชั่นติดถนน และห้างสรรพสินค้า


"โครงการแนวราบหรือบ้านจัดสรร ขณะนี้มีเพียงแค่โครงการบ้าน ศรีนครินทร์ ของบริษัท โกเด้น แลนด์ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากโดยธรรมชาติของโครงการบ้านจัดสรร จะขายก่อนและค่อยดำเนินการก่อสร้าง ทำทีละหลัง แต่เมื่อได้งานแล้ว เรื่องของราคาวัดสุก่อสร้างจะเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เป็นปัญหาที่รับรู้อยู่แล้ว ต่างกับโครงการขนาดใหญ่ ที่ทุกอย่างจะดำเนินการทั้งหมด ไม่ว่าแรงงาน วัสดุก่อสร้าง คุมได้ง่ายกว่า"กรรมการผู้จัดการกล่าว

คุมต้นทุนหวังดันกำไรเพิ่มขึ้น

สำหรับแนวทางส่งเสริมให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นนั้น นายโดมินิคกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ การคุมต้นทุนให้ลดลงแต่ยังยืนคุณภาพของงานให้แก่ลูกค้า โดยหากสามารถลดต้นทุนลงได้ 4% จะทำให้โครงการที่เข้าไปรับงานมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 4% เช่นกัน ซึ่งวิธีการคือจ่ายเงินให้แก่ซัปพลายเออร์ให้เร็วขึ้น เพื่อต่อรองทางด้านราคาและการส่งมอบสินค้าที่รวดเร็วขึ้น

ในส่วนงานในมือของบริษัท ณ เดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีมูลค่างานเกือบ 6,000 ล้านบาท และได้รับงานโครงการใหม่อีกหลายโครงการ เช่น โครงการโซเนวา คีรี รีสอร์ท (เกาะกูด) ,ตรีสรา เฟสซี (ภูเก็ต) และเดอะรีเจ้นท์ แบงคอก โฮเต็ล แอนด์ เดอะ รีเจ้นท์ เรสซิเด้นท์ (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล) (กรุงเทพฯ) ขณะที่บริษัทมีโครงการที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องไปถึงปี 2551 (2008) ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2549 บริษัทจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10%

"ปี 2550 เป็นก้าวใหม่ของบริษัท และเป็นปีที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้น ทั้งบุคลากร เครื่องจักร และกำไรที่ดีขึ้น "

อนึ่ง บริษัทได้แจ้งผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า กำไรสุทธิของบริษัทฯงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนเงิน 8.711 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปี 48 จำนวนเงิน 25.649 ล้านบาท ลดลงประมาณ 42.814 ล้านบาท หรือ 30.46% ขณะที่บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายทั่วไปและค่าใช้จ่ายการบริหารได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 49 ลดลงเป็นจำนวนเงิน 15.318 ล้านบาท หรือลดลง 15.99% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปี 48   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us