Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์30 ตุลาคม 2549
ขุดราก"ธอส."ค้นหาประชานิยมไร้ประโยชน์             

 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

   
search resources

ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ฉัตรชัย วีระเมธีกุล
Banking and Finance




ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อ้อมแอ้มไม่ชี้ชัดโครงการประชานิยมที่ควรโละ ยังมั่นใจว่าที่ผ่านมาโดยเฉพาะบ้านเอื้ออาทรช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยได้จริง แต่โครงการดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในนโยบายประชานิยมเท่านั้น ยังคงมีหลายนโยบายที่ ธอส. สนองให้กับรัฐบาลชุดเก่า และบางเรื่องถึงกับต้องเฉือนเนื้อตัวเอง แต่ขณะนี้ยังไม่มีโครงการที่จะเสนอยุบเลิก แม้ "ขุนคลัง" ได้เปิดโอกาสว่าโละนโยบายเน่าทิ้ง ส่วนดีเก็บไว้และขยายผลใหกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น ด้านผลประกอบการไตรมาส 3 แม้จะออกมาไม่สวยหรู กำไรหดแต่เมื่อไม่ขาดทุนก็พอใจ

ฉัตรชัย วีระเมธีกุล กรรมการธนาคาร และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส .เล่าว่า หลังจากที่ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปรีดียาธร เทวกุล ให้นโยบายรัฐวิสาหกิจในการนำเสนอ หรือทบทวนโครงการประชานิยมในยุครัฐบาลทักษิณ ว่าโครงการใดที่ไม่มีความเหมาะสมหรือไม่เกิดประโยชน์ก็ ยุบเลิก ขฯณะที่โครงการไหนดีก็สานต่อ แต่ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง ในส่วนของ ธอส. ตอนนี้ยังไม่เห็นโครงการที่จะยุบเลิก เพราะที่ผ่านมา การปล่อยสินเชื่อในโครงการบ้านเอื้ออาทร บ้านมั่นคง เห็นว่าก่อประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ธอส. ยังไม่มีการเสนอเรื่องที่จะยุบเลิกโครงการใดเข้าไปที่กระทรวงการคลัง

อย่างไรก็ตาม การสนองนโยบายประชานิยมของ ธอส.นั้นมิได้มีแค่ปล่อยสินเชื่อ บ้านเอื้ออาทร หรือ บ้านมั่นคงเท่านั้น ที่ผ่านมายังมีการสนองนโยบายในเรื่องอื่นเช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการใช้ดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภค สร้างเม็ดเงินเข้าระบบอันนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจ และเห็นตัวเลขการเติบโตของจีดีพีที่สวยหรู แม้ปัจจุบันบางโครงการจะจบแล้ว แต่เชื่อว่ายังคงมีอีกหลายโครงการประชานิยมที่ต้องพิจารณาถึงผลประโยชน์ที่แท้จริง ซึ่งอย่างน้อยถ้าไม่เลิกก็ควรจะปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น

ที่ผ่านมาทำให้บทบาทการเป็นเครื่องมือสนองนโยบายประชานิยมยุครัฐบาลทักษิณ ของ ธอส. ต้องทำทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต สนองนโยบายเร่งปล่อยสินเชื่อให้ให้เป็นไปตามตามเป้าหมายและสอดคล้องนโยบายรัฐยุคประชานิยม แก่กลุ่มประชาชนในระดับกลาง หรือรากฐาน

ในช่วงแรกนโยบายและการปล่อยสินเชื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายเหมือนจะดี แต่ในปี 2549 เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว การปล่อยสินเชื่อเริ่มทำได้ยากขึ้นไม่เป็นไปตามเป้า แย่กว่านั้น หนี้เน่าเริ่มผุดเป็นดอกเห็ดและเห็นชัดเจนขึ้น โดยว่ากันว่า ฐานลูกหนี้ระดับกลางก็เป็นหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้เกิดหนี้เน่า เพราะถือเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง แม้ว่ารายได้จะมั่นคง แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซา จากน้ำมันและดอกเบี้ยแพงนั่นเองที่ทำให้ต้นทุนการดำรงชีพสูงขึ้น ภาระที่เคยรับผิดชอบจากที่เท่าเดิมก็เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการการชำระหนี้ที่ต้องเลื่อนออกไปจนกลายเป็นกลุ่มหนี้เสีย

ที่แย่กว่านั้น ธอส. ไม่เพียงต้องประพฤติตัวสนองนโยบายประชานิยม แต่ยังต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรด้วย โดยเฉพาะการทำให้ผลประกอบการดูดี ซึ่งว่ากันว่า วิธีหนึ่งที่ใช้คือ การเร่งปล่อยสินเชื่อให้มากเข้าไว้เพื่อที่จะรักษาสัดส่วนของหนี้เสียไม่ให้เพิ่มขึ้นจนเกินงาม

กลับมาดูผลการดำเนินงานของ ธอส. ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2549 ฉัตรชัย บอกว่า หนี้เน่า หรือเอ็นพีแอล ของ ธนาคาร สิ้น 30 กันยายน 2549 ลดลง 5.96% คิดเป็นวงเงิน 30,924 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 48 ที่มีเอ็นพีแอล 8.07% คิดเป็นเงิน 37,096ล้านบาท และในปี 2547 มีเอ็นพีแอล 11.05% คิดเป็นเงิน 41,653 ล้านบาท เช่นเดียวกัน เอ็นพีเอของ ธอส. ก็ค่อย ๆ ทยอยลดลง โดย 30 กันยายน 2549 มีเอ็นพีเออยู่ที่ 11,669 ล้านบาท ลดลง 8.68% ลดลง 1,109 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา ที่มีเอ็นพีเออยู่ที่ 14,679 ล้านบาท

เห็นได้ชัดว่าสีดส่วนหนี้เอ็นพีแอล และเอ็นพีเอของ ธอส. นั้นค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ หากแต่การลดลงดังกล่าวนั้นว่ากันว่าเพราะ ธอส. มีการขายหนี้เสียบางส่วนออกไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์จัดการกับหนี้เน่าเหล่านั้นจึงทำให้หนี้เสียลดลง

อย่างไรก็ตาม ธอส. มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ถ้าเทียบในช่วงไตรมาสเดียวกัน โดยสิ้น 30 กันยายน 2549 มีสินทรัพย์ 579,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79,215 ล้านบาท หรือ 15.82% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ซึ่งมีสินทรัพย์อยู่ที่ 500,726 ล้านบาท

ส่วนกำไรสิทธิสะสม ก็ลดลง 30 กันยายน 2549 กำไรสะสมอยู่ที่ 2,392 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปี2548 อยู่ที่ 3,676 ล้านบาท และปี 2547 อยู่ที่ 4,854 ล้านบาท

กำไรที่ลดลงของ ธอส. อันเนื่องมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งคือส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากของธอส. แคบมากทำให้รายได้ของ ธอส. ต้องลดลง ฉัตรชัย เสริมอีกว่า ขณะที่ สภาวะเศรษฐกิจก็ไม่ได้เอื้อกับธอส.เท่าใดนักจากหลายเหตุการณ์ที่เข้ามารุมเร้าไม่ว่าจะเรื่องดอกเบี้ยที่ทะยานขึ้นตามเงินเฟ้อ อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่สูงเกินความจริงในช่วงที่ผ่านมา เป็นปัจจัยที่กระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และคาดว่าการปล่อยสินเชื่อของ ธอส. ในปีนี้ทำไม่ได้ตามเป้าที่คาดไว้

นโยบายประชานิยมที่ ธอส. รับตามคำสั่งไม่ได้มีแค่การปล่อยสินเชื่อในโครงการบ้านเอื้ออาทร หรือ บ้านมั่นคงเท่านั้น หากแต่ยามที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ธอส. ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือรัฐที่ถูกเร่งให้ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยมาตรการดอกเบี้ย หรือการแจกโปรโมชั่นจูงใจให้เกิดกิเลสอยากบริโภค ดังนั้นสำหรับ ธอส. นโยบายหลายข้อที่งัดมาใช้ช่วงประชานิยมครองเมืองจึงเป็นอะไรที่น่าจับตา ว่าอนาคต นโยบายใดที่จะคงอยู่หรือต้องจากไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us