ฮาริสันฯชี้ตลาดคอนโดมิเนียมแนวโน้มคึกคัก หลังผู้ประกอบการแห่เปิดโครงการเพียบ ชี้ทำเล หลักยังอยู่ย่าน สุขุมวิท ,ลาดพร้าว ,พระราม 3 อิงแนวรถไฟฟ้า เผยในอนาคตหลายโครงการพร้อมขยายเข้า พระราม 9 ,รัชดาภิเษก ,งามวงศ์วาน รวมถึงแนวเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่ มั่นใจตลาดยังโตต่อเนื่องอีกหลายปี ล่าสุดหันจับมือสมาคมอาคารชุดไทยจัดงาน ไทยแลนด์ คอนโด เอ็กซ์โป 2006 มุ่งพัฒนตลาดเฉพาะคอนโดยกระดับมาตรฐานด้านการแข่งขันหวังเจาะตลาดคนไทยและต่างชาติ
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมกำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีทำเลที่ตั้งในเมือง และมีราคาที่ไม่สูงมากนัก โดยย่านที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะอยู่ในบริเวณ สุขุมวิท ลาดพร้าว และพระราม 3 - นราธิวาส เนื่องจากเป็นทำเลที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครันไม่ว่าจะเป็น ระบบขนส่งมวลชน อาทิ รถไฟฟ้า ทางด่วน นอกจากนี้ ยังรายล้อมไปด้วย ห้างสรรพสินค้า ,โรงแรม และอาคารสำนักงาน เป็นต้น โดยในอนาคตคาดว่าคอนโดมิเนียมจะมีการขยายตัวไปยังพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น อาทิ พระราม 9 รัชดาภิเษก งามวงศ์วาน รวมถึงทำเลที่มีโครงข่ายของรถไฟฟ้าใต้ดินผ่าน
“ตอนนี้ไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพและปริมณฑล มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก และคอนโดมิเนียมก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาเรื่องการเดินทาง รวมถึงการตอบสนองรูปแบบการทำงาน และการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถ้าจะสังเกตโครงการคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นจะพบว่าสามารถทำยอดขายได้ดีหลายโครงการ บางโครงการเปิดตัวเพียงไม่นานก็สามารถขายได้หมด ทำให้ในปัจจุบันผู้ประกอบการเริ่มให้ความสนใจในตลาดนี้เพิ่มขึ้น” นายกิติศักดิ์ กล่าว
นายกิติศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน บริษัทฯได้หันมาเน้นการบริหารงานขายให้แก่โครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น โดยคิดเป็นมูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในเมือง และคอนโดมิเนียมตากอากาศ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี โดยเฉพาะโครงการที่เน้นจับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่เพิ่งเริ่มทำงานและสร้างครอบครัวจะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด
ข้อมูลล่าสุดจากบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าไตรมาส 3 ของปี 2549 ปริมาณคอนโดฯย่านใจกลางกรุงเทพฯมีทั้งสิ้น 45,022 ยูนิต เป็นคอนโดฯระดับบน 9.1% ที่เหลือกว่า 90% เป็นระดับกลาง-ล่าง จำนวน 39,117 ยูนิต และหากพิจารณาตลาดคอนโดฯ ระดับหรูในกรุงเทพฯ จะพบว่าแนวโน้มราคายังคงสูงขึ้น จากกลุ่มคอนโดฯ ระดับบน ราคาเริ่มต้น 1 -1.3 แสนบาท/ตารางเมตร และระดับหรู ราคา 85,000-95,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท 49.3% , ลุมพินี 18.8% , สีลม/สาทร 18.8% และพระราม 3/ริมแม่น้ำ 13.2% ซึ่งคาดว่าในอนาคตคอนโดมิเนียมระดับหรูจะเพิ่มขึ้นอีก 5,082 ยูนิต แบ่งเป็น 2,040 ยูนิต และคอนโดมิเนียมระดับหรู 3,042 ยูนิต โดยโครงการเหล่านี้จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 จนถึงปี 2552 และคาดว่าระดับราคาขายในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มอีก 15-22% และจากผลการสำรวจห้องชุดที่ขาย 3,881 ยูนิต พบว่า 60% เป็นลูกค้าคนไทยอีก 40% เป็นลูกค้าต่างชาติ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค มาจากปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ที่ส่งผลให้ค่าครองชีพขยับสูงตามไปด้วย ขณะเดียวกันโครงการระบบขนส่งมวลชนที่มีความสะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาการเดินทาง ทำให้พฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่เลี่ยนไปเลือกที่จะอยู่ใกล้ที่ทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ดีแม้สถานการณ์ที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อดูตัวเลขยอดโอนในแต่ละปีที่ผ่านมายังไม่น่าเป็นห่วง โดยในปี 2548 มีการโอนห้องชุดประมาณ 13,000 ยูนิต และคาดว่าจำนวนห้องชุดที่จดทะเบียนในปีนี้ทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ยูนิต ยังห่างไกลจุดอิ่มตัวที่เคยมียอดโอนสูงสุดถึง 40,000 ยูนิต
นายกิติศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในด้านของการแข่งขันนั้น ปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะในเรื่องของราคา ซึ่งในส่วนของการบริหารงานขายนั้นทางบริษัทฯ ได้พยายามผลักดันหาวิธีการพัฒนาตลาดคอนโดมิเนียม ให้มีการแข่งขันในรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพยายามเพิ่มช่องทางในการตลาดและการจัดจำหน่ายมากขึ้น แทนที่จะเน้นในเรื่องราคาเพียงอย่างเดียว โดยล่าสุดได้จับมือกับ สมาคมอาคารชุดไทย จัดงาน ไทยแลนด์ คอนโด เอ็กซ์โป 2006 (Thailand Condo Expo 2006) ซึ่งเป็น จุดที่จะพัฒนาตลาด คอนโดมิเนียมร่วมกัน โดยการรวบรวมโครงการเฉพาะคอนโดมิเนียมเท่านั้นกว่า 100 โครงการ มาร่วมจัดกิจกรรมทางการตลาด ในระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2549 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชัน ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ซึ่งงานนี้ถือเป็นงานแรกที่จะรวมโครงการคอนโดมิเนียม รวมถึง รีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศมากกว่า 100 โครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเลือกหาโครงการเฉพาะคอนโดมิเนียมที่สนใจได้อย่างสะดวก โดยคาดว่า จะมีผู้เข้าชมงานในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 50,000 คน
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นในการพัฒนาตลาดคอนโดมิเนียมร่วมกัน ระหว่างบริษัทฯ กับ สมาคมอาคารชุดไทย ซึ่งในอนาคตงานนี้จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาตลาดคอนโดมิเนียมให้มีมาตรฐานโครงการที่ดี และมีการแข่งขันกันอย่างเป็นระบบและมีรูปแบบมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะสามารถช่วยขยายฐานของกลุ่มผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย
|