|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โบรกเกอร์ ประเมินผลประกอบการกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ยังไม่สดใส แต่จะเริ่มฟื้นตัวในปี 2550 หลังปัญหาการเมืองคลี่คลายจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อบ้านของประชาชน บวกกับรัฐบาลชุดใหม่เดินหน้าสานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์
ภาวะเศรษฐกิจไทยตลอดปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวในระดับสูง อัตราดอกเบี้ย ปัญหาการเมืองในประเทศจนส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศค่อนข้างมาก นอกจากนี้ผลพ่วงจากปัจจัยลบดังกล่าวยังส่งผลที่ชัดเจนต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะกำลังการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน
ทั้งนี้ ภายหลังปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นหลังคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเข้ามายึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้สัญญาณที่ดีในเรื่องการตัดสินใจซื้อของภาคประชาชนน่าจะกลับเข้ามาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสิ่งที่เห็นสะท้อนได้อย่างชัดเจนคือราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่าวานนี้ราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายฝ่ายมีการคาดการณ์ว่าทิศทางของอัตราดอกเบี้ยภายในปี 2550 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงซึ่งส่งผลดีต่อประชาชนผู้บริโภค
นอกจากนี้ปัจจัยการเมืองภายในประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังรัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศค่อนนข้างชัดเจน โดยมีการเร่งรัดนโยบายต่างๆทางภาครัฐฯ โดยเฉพาะการสานต่อโครงการเมกะโปรเจกจากรัฐบาลชุดเก่า ซึ่งน่าจะส่งผลให้โครงสร้างของเศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะออกมาไม่ดีเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการต้องหยุดชะงักไปในช่วงการเมืองในประเทศไม่สงบ โดยกลยุทธการลงทุนแนะนำให้ทยอยซื้อในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น LPN LH CK ITD GOLD
“ส่วนตัวชอบ LPN เราให้ราคาเหมาะสมที่ระดับ 6 บาทเพราะว่าผลประกอบการของบริษัทฯยังเติบโตได้ เนื่องจากการเมืองที่เริ่มลงตัว ผลักดันให้ธุรกิจอสังหาฯเดินหน้าต่อไปได้”นายวรุตม์กล่าว
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บล.นครหลวงไทย กล่าว่า ในปีหน้าคาดว่าราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัทซึ่งนักลงทุนจะต้องพิจารณาจากผลการดำเนินงานรวมถึงการจ่ายเงินปันผลซึ่งสะท้อนถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ
ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น บริษัท แลนด์แอนเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH วานนี้เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีความเสถียรภาพมากขึ้น และคาดการณ์ว่าไตรมาสที่4/49 บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัว
ด้านกลยุทธการลงทุนแนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อสะสมหุ้น LH โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 9.10 บาท , หุ้น SPALI ให้ราคาเหมาะสมที่ 3.70 บาท และหุ้น LPN เนื่องจากมีพื้นฐานที่ดี และมีสินค้าที่หลากหลายประเภท เช่น บ้าน คอนโด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทกลุ่มอสังหาฯไตรมาส3/49 คาดว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2/49 ที่ปรับตัวลดลง
|
|
|
|
|