|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“บีพีบี”เปิดตัว “สลิมกริด-สลิม เดคอร์” เจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัย ทุบตลาดสินค้าระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวไม่ได้มาตรฐาน ระบุ 50% ในตลาดเป็นสินค้าคุณภาพต่ำไม่มี มอก.รับรอง พร้อมตั้งเป้า 3เดือนแรกแชร์ตลาด10% ระบุระยะ1ปี เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม30-40% จากตลาดรวม 17ล้านตร.ม. เผยยอดสั่งผลิตหลังเปิดตัว1เดือนกว่าแสน ตรม. แจงดอกเบี้ย น้ำมัน การเมือง ทำตลาดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างในประเทศชะลอตัว ส่งผล”บีพีบี” ปรับตัวส่งออกเพิ่มเป็น50% จากเดิม20% คาดสิ้นปีรายได้ตามเป้า 3,500 ล้านบาท
นายชัยฤทธิ์ สังสิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ ยิปซั่ม จำกัด (มหาชน) (บีพีบี) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวทีบาร์ สลิมกริด ซึ่งผลิตจากเหล็กชุบสังกะสี และ สลิมเดคอร์ ระบบฝ้าเพดานที่มีขนาดบาง 7 มิลลิเมตร ในงานสถาปนิกสยาม โดย บีพีบี ได้เริ่มทำตลาดมาแล้ว1เดือน ขณะนี้บริษัทมียอดสั่งผลิตแล้ว 1 แสนตารางเมตร และคาดว่าจะในระยะ3 เดือนจากนี้จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมได้เพิ่มอีก 10% หรือประมาณ 3-4 แสน ตารางเมตร จากเดิมที่ขณะนี้มีแชร์ตลาดอยู่ประมาณ 5% ส่วนในระยะ1 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีแชร์ในตลาดระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวทีบาร์ ได้อีกไม่น้อยกว่า 30-40%
ปัจจุบัน ตลาดระบบโครงคร่าวเพดานทีบาร์ในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวม30-40 ล้านบาทต่อปี หรือมีปริมาณการใช้งานต่อปีประมาณ 17 ล้านตารางเมตร ซึ่งนับเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการใช้งานต่อปีค่อนข้างสูง แต่สินค้าที่ได้รับการรับประกันมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) หรือสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตราฐานะในประเทศไทยมีอยู่เพียง 50% เท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มสินค่าที่ไม่ได้มาตรฐาน และคุณภาพการใช้งานที่ต่ำ
ทั้งนี้ระบบโครงคร่าวเพดานที่มีอยู่ในประเทศขณะนี้แบ่งออกเป็น2 รูปแบบ คือส่วนที่ผลิตจากอลูมิเนียม และส่วนที่ผลิตจากเหล็กโดยในส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่จะเป็นสินคาที่ผลิตจากอลูมิเนียมเนื่องจากมีการพลิ้วของตัววัสดุที่ใช้ผลิต และก่อให้เกิดการเสียหายง่าย โดยในส่วนของสินค้าที่ผลิตจากเหล็กมีแชร์ตลาดอยู่ประมาณ 8.8 ล้านตารางเมตรต่อปี หรือคิดเป็น52% ของปริมาณการใช้ในตลาดต่อปี ส่วนสินค้าที่ผลิตจากอลูมิเนียมมีแชร์ตลาดอยู่ประมาณ 8.2 ล้านตารางเมตรต่อปีคิดเป็น 48% ของปริมาณการใช่ในตลาดรวม
นายชัยฤทธ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าของบีพีบีในขณะนี้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ กลุ่มลูกค้าประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งมีปริมาณการใช้รวมต่อปีประมาณ 11 ล้านตารางเมตร หรือประมาณ64% ของตลาดรวม , กลุ่มลูกค้าประเภทอาคารสูงและอาคารพาณิชย์ ที่มีปริมาณการใช้ต่อปี 2.5 ล้านตารางเมตร คิดเป็น 15% และกลุ่มลูกซ่อมแซมและเชิงพาณิชย์ มีปริมาณการใช้ 3.6 ล้านตารางเมตรคิดเป็น 21% ของตลาดรวม โดยผลิตภัณฑ์ระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวทีบาร์ สลิมกริด และ สลิมเดคอร์ จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทที่อยู่อาศัยเป็นหลัก
นายชัยฤทธิ์ กล่าวถึงยอดขาย รายได้ และสถานการณ์ตลาดผนังเพดานยิปซั่ม ว่า ในช่วงที่ผ่านมาผลกระทบจากราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย และการเมือง มีผลให้เกิดการชะลอการก่อสร้างภายในประเทศ ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคก่อสร้าง ทำให้ยอดขายในประเทศของบีพีบี มีอัตราการเติบโตไม่ได้ตามเป้า คาดว่าจนถึงสิ้นปีบริษัทจะมียอดขายเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7-8% จากเป้าที่วางไว้ว่าจะขยายตัวประมาณ 10-15% แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้หันไปส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรักษายอดขายไว้ตามเป้าที่วางไว้ โดยในช่วงต้นปี บริษัทวางเป้าว่าจะมีรายได้รวมตลอดปี จำนวนเงิน 3,500 ล้านบาท มาจากการขายในประเทศ 80% และส่งออก 20% แต่เนื่องจากสถาการณ์ตลาดชะลอตัวทำให้บริษัทเพิ่มการส่งออกไปต่างประเทศเป็น 50% ทำให้บริษัทมียอดขายที่ยังเป็นไปตามเป้าอยู่ โดยในช่วง9 เดือนที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ คือเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ทั้งปี
|
|
|
|
|