Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 ตุลาคม 2549
'บีพีบี'ส่งสลิมกริด-สลิม เดคอร์”เจาะกลุ่มที่อยู่อาศัยทุบตลาดฝ้าเพดานคุณภาพต่ำ             
 


   
search resources

ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม, บมจ.
Tiles and Roofs




“บีพีบี”เปิดตัว “สลิมกริด-สลิม เดคอร์” เจาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัย ทุบตลาดสินค้าระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวไม่ได้มาตรฐาน ระบุ 50% ในตลาดเป็นสินค้าคุณภาพต่ำไม่มี มอก.รับรอง พร้อมตั้งเป้า 3เดือนแรกแชร์ตลาด10% ระบุระยะ1ปี เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม30-40% จากตลาดรวม 17ล้านตร.ม. เผยยอดสั่งผลิตหลังเปิดตัว1เดือนกว่าแสน ตรม. แจงดอกเบี้ย น้ำมัน การเมือง ทำตลาดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างในประเทศชะลอตัว ส่งผล”บีพีบี” ปรับตัวส่งออกเพิ่มเป็น50% จากเดิม20% คาดสิ้นปีรายได้ตามเป้า 3,500 ล้านบาท

นายชัยฤทธิ์ สังสิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ ยิปซั่ม จำกัด (มหาชน) (บีพีบี) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวทีบาร์ สลิมกริด ซึ่งผลิตจากเหล็กชุบสังกะสี และ สลิมเดคอร์ ระบบฝ้าเพดานที่มีขนาดบาง 7 มิลลิเมตร ในงานสถาปนิกสยาม โดย บีพีบี ได้เริ่มทำตลาดมาแล้ว1เดือน ขณะนี้บริษัทมียอดสั่งผลิตแล้ว 1 แสนตารางเมตร และคาดว่าจะในระยะ3 เดือนจากนี้จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมได้เพิ่มอีก 10% หรือประมาณ 3-4 แสน ตารางเมตร จากเดิมที่ขณะนี้มีแชร์ตลาดอยู่ประมาณ 5% ส่วนในระยะ1 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีแชร์ในตลาดระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวทีบาร์ ได้อีกไม่น้อยกว่า 30-40%

ปัจจุบัน ตลาดระบบโครงคร่าวเพดานทีบาร์ในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวม30-40 ล้านบาทต่อปี หรือมีปริมาณการใช้งานต่อปีประมาณ 17 ล้านตารางเมตร ซึ่งนับเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการใช้งานต่อปีค่อนข้างสูง แต่สินค้าที่ได้รับการรับประกันมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) หรือสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตราฐานะในประเทศไทยมีอยู่เพียง 50% เท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มสินค่าที่ไม่ได้มาตรฐาน และคุณภาพการใช้งานที่ต่ำ

ทั้งนี้ระบบโครงคร่าวเพดานที่มีอยู่ในประเทศขณะนี้แบ่งออกเป็น2 รูปแบบ คือส่วนที่ผลิตจากอลูมิเนียม และส่วนที่ผลิตจากเหล็กโดยในส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่จะเป็นสินคาที่ผลิตจากอลูมิเนียมเนื่องจากมีการพลิ้วของตัววัสดุที่ใช้ผลิต และก่อให้เกิดการเสียหายง่าย โดยในส่วนของสินค้าที่ผลิตจากเหล็กมีแชร์ตลาดอยู่ประมาณ 8.8 ล้านตารางเมตรต่อปี หรือคิดเป็น52% ของปริมาณการใช้ในตลาดต่อปี ส่วนสินค้าที่ผลิตจากอลูมิเนียมมีแชร์ตลาดอยู่ประมาณ 8.2 ล้านตารางเมตรต่อปีคิดเป็น 48% ของปริมาณการใช่ในตลาดรวม

นายชัยฤทธ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าของบีพีบีในขณะนี้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ กลุ่มลูกค้าประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งมีปริมาณการใช้รวมต่อปีประมาณ 11 ล้านตารางเมตร หรือประมาณ64% ของตลาดรวม , กลุ่มลูกค้าประเภทอาคารสูงและอาคารพาณิชย์ ที่มีปริมาณการใช้ต่อปี 2.5 ล้านตารางเมตร คิดเป็น 15% และกลุ่มลูกซ่อมแซมและเชิงพาณิชย์ มีปริมาณการใช้ 3.6 ล้านตารางเมตรคิดเป็น 21% ของตลาดรวม โดยผลิตภัณฑ์ระบบฝ้าเพดานโครงคร่าวทีบาร์ สลิมกริด และ สลิมเดคอร์ จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทที่อยู่อาศัยเป็นหลัก

นายชัยฤทธิ์ กล่าวถึงยอดขาย รายได้ และสถานการณ์ตลาดผนังเพดานยิปซั่ม ว่า ในช่วงที่ผ่านมาผลกระทบจากราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย และการเมือง มีผลให้เกิดการชะลอการก่อสร้างภายในประเทศ ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคก่อสร้าง ทำให้ยอดขายในประเทศของบีพีบี มีอัตราการเติบโตไม่ได้ตามเป้า คาดว่าจนถึงสิ้นปีบริษัทจะมียอดขายเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7-8% จากเป้าที่วางไว้ว่าจะขยายตัวประมาณ 10-15% แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้หันไปส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรักษายอดขายไว้ตามเป้าที่วางไว้ โดยในช่วงต้นปี บริษัทวางเป้าว่าจะมีรายได้รวมตลอดปี จำนวนเงิน 3,500 ล้านบาท มาจากการขายในประเทศ 80% และส่งออก 20% แต่เนื่องจากสถาการณ์ตลาดชะลอตัวทำให้บริษัทเพิ่มการส่งออกไปต่างประเทศเป็น 50% ทำให้บริษัทมียอดขายที่ยังเป็นไปตามเป้าอยู่ โดยในช่วง9 เดือนที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ คือเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ทั้งปี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us