สุขภัณฑ์ชักโครกเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ถูกนำมาใช้เป็นจุดขาย "ประหยัดน้ำ"
ของบริษัทชั้นนำ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตแทนส้วมนั่งยองที่นับวันจะน้อยลงทุกปี
อีกทั้งเป็นตัวสิ้นเปลืองน้ำมากเพียงกดน้ำหนึ่งครั้งก็ต้องใช้น้ำถึง 12-15
ลิตร และอัตราการใช้หนึ่งวันย่อมไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง
บริษัทอเมริกันสแตนดาร์ดออกสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำรุ่น "คอร์เวต"
เสียน้ำ 6 ลิตร/ครั้ง เมื่อปลายปีที่แล้วใช้วิธีแนะนำสินค้าด้วยการร่วมมือกับนักวิชาการอนุรักษ์ในกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
หลังจากที่คอร์เวตออกมาได้ไม่กี่เดือน บริษัทกะรัตสุขภัณฑ์ออก "ซุปเปอร์เซฟ"
ใช้น้ำ 4 ลิตร/ครั้ง และ "ไซฟอนเซฟ" ใช้น้ำ 6 ลิตร/ครั้ง การเปิดตลาดของบริษัทกะรัตใช้สื่อโฆษณาทางทีวีและสิ่งพิมพ์
ทิ้งช่วงไม่นานนักสุขภัณฑ์คอตโต้ และสุขภัณฑ์ของสตาร์ซานิทารีแวร์ ก็เริ่มใช้ชักโครกประหยัดน้ำเป็นกลยุทธ์ในการขายเช่นกัน
รวมทั้งเจ้าแรกอย่างบริษัทอเมริกันสแตนดาร์ดได้ออกผลิตภัณฑ์ชักโครกเพิ่มขึ้นอีกเป็นระบบไซฟอนระดับลักซ์เชอรี่
ใช้น้ำ 6 ลิตร/ครั้ง และยังมีโถปัสสาวะชายใช้น้ำ 1 ลิตร/ครั้ง จากปกติที่ใช้น้ำ
5 ลิตร/ครั้ง
"ผู้ใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำควรเป็นคนอยู่ในพื้นที่ขาดน้ำ แต่ปรากฏว่าลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของโครงการที่ต้องใช้สุขภัณฑ์มากชิ้น
เช่น อพาร์ตเมนต์ หอพักและเจ้าของโครงการต้องจ่ายน้ำเอง ตอนนี้ที่ขายดีคือที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ"
ศรชัย จาติกวณิช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดของอเมริกันสแตนดาร์ดพูดถึงกลุ่มลูกค้าของสุขภัณฑ์ชักโครก
นอกจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสุขภัณฑ์ที่หันมาชูป้าย "ประหยัดน้ำ"
แล้ว ยังมีบริษัทไดนามิค กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ ของเล่นเด็กและผลิตภัณฑ์พลาสติก
ได้ร่วมมือกับนักประดิษฐ์คนไทย สร้างอุปกรณ์ประหยัดน้ำชื่อ "CRANE FLUSHSAVER"
ติดตั้งในถังพักน้ำของชักโครก ทำให้ชักโครกทั่วไปกลายเป็นชักโครกประหยัดน้ำทันที
"เมืองไทยเริ่มตื่นตัวและรณรงค์การประหยัดน้ำมากขึ้น ผมเห็นเป็นโอกาสดีจึงทดลองทำ
CRANE FLUSHER เพื่อผลิตขายในเมืองไทยและต่างประเทศ" ศฤงคาร รัตนางศุ
เจ้าของความคิดสิ่งประดิษฐ์บอกถึงแรงจูงใจในการทดลองทำแม่พิมพ์ ซึ่งกว่าจะสำเร็จต้องใช้เวลาทำปีเศษจนได้อุปกรณ์ต้นแบบ
CRANE FLUSHSAVER ทำจากพลาสติก ABS มีหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำจากถังพักลงสู่โถโดยการติดตั้งตรงบริเวณที่ตั้งของอุปกรณ์ลูกลอยในถัง
เมื่อกดชักโครกแบบปล่อยมือเร็ว จะมีผลให้ย้ำลงโถเฉพาะส่วนชั้นในตรงช่องว่างระหว่างลูกลอยกับสิ่งประดิษฐ์
ส่วนน้ำที่อยู่ชั้นนอกจะคงจำนวนเดิมไม่ต้องเสียไปกับการกดชักโครก
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เพราะต้องแก้ไขตัวล็อกให้แข็งแรงขึ้น
ซึ่งเมื่อสำเร็จแล้วจะมีการเสนอต่อการประปานครหลวงเพื่อเผยแพร่จำหน่ายในราคาที่จูงใจต่อการซื้อมาติดตั้ง
หากการทดลองใช้ CRANE FLUSHSAVER ใช้การได้ดีภายใต้ระบบทำงานของชักโครกทั่วไปที่ต้องพึ่งน้ำ
12-15 ลิตรในการทำความสะอาด รวมทั้งในสภาวะของแรงดันน้ำประปาที่ไม่สม่ำเสมออย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
อุปกรณ์ชิ้นนี้คงช่วยประหยัดน้ำชักโครกได้มากทีเดียวโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนชักโครกเดิมเป็นชักโครกประหยัดน้ำ
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำยังมีอีก 2 ชิ้นที่มีการใช้บ่อยครั้งและสิ้นเปลืองไม่แพ้ชักโครก
คือก็อกน้ำและฝักบัว การประปานครหลวงประมาณอย่างคร่าวๆ ว่า ถ้าเปิดก็อกน้ำหรือฝักบัวไหลนานหนึ่งนาทีจะสูญเสียน้ำ
9 ลิตร
คนไทยใช้ก็อกประหยัดน้ำมาหลายปีแล้ว ที่มีชื่อเรียกว่า AERATOR มีอุปกรณ์ที่สำคัญคือตระแกรงกรองน้ำอยู่ปลายก็อก
เมื่อน้ำไหลผ่านจะเกิดฟองอากาศ อากาศที่ไหลเข้ามาแทนที่น้ำจะทำให้ประหยัดน้ำประมาณครึ่งหนึ่ง
สำหรับฝักบัวประหยัดน้ำเคยมีผู้นำเข้าจากนอร์เวย์มีชื่อว่า BEST SAVER
เมื่อปี 2534 ก่อนที่บริษัทอเมริกันสแตนดาร์ดจะนำออกสู่ตลาดขณะนี้
"ตอนนั้นผมเคยออกงานโฮมโชว์แต่ไม่มีคนสนใจเท่าไร เพราะช่วงนั้นคนคิดว่าประหยัดไม่คุ้มทุนกับการซื้อฝักบัวที่แพงกว่าทั่วไป
ผมก็เลยแจกเพื่อนเป็นของขวัญปีใหม่ แต่พอมาระยะหลังเริ่มมีคนติดต่อขอซื้อมากขึ้น
ทำให้มีสต็อกเหลืออยู่ตอนนี้ 300 ชิ้นจากที่ซื้อมา 1,000 ชิ้น" วันชัย
แสงกิตติไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทพรีซีซั่นคอมมิวเนเคชั่น เล่าภาวะเปลี่ยนแปลงด้านตลาดของฝักบัวประหยัดน้ำ
ซึ่งมีผลให้ตัดสินใจเปิดโรงงานผลิตในไทยโดยอาจจะร่วมทุนกับเจ้าของผลิตภัณฑ์
BEST SAVER ทำงานด้วยระบบ TURBULENCE PRINCIPLE ที่ให้ท่อส่งน้ำสู่หัวฝักบัวมีขนาดเล็กกว่าฝักบัวทั่วไป
ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการใช้นิ้วอุดสายยางเวลารดน้ำต้นไม้ เมื่อน้ำผ่านท่อมาแล้วจะชนกับแผ่นสแตนเลสทรงวงกลมที่เจาะรูรอบแผ่น
10 รู ส่วนตรงกลางจะทึบทำให้เกิดแรงสะท้อนกลับไปมาภายในท่อ ก่อนที่น้ำจะไหลผ่านหัวฝักบัวช่วยให้ประหยัดน้ำกว่าครึ่งที่ใช้ตามปกติ
BEST SAVER มีข้อเสียตรงที่แรงดันของน้ำต้องไม่ต่ำกว่า 4 บาร์ ฉะนั้นถ้าน้ำไหลอ่อยๆ
คงหมดสิทธิ์ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ อย่างไรก็ดีสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำประเภทชักโครก
ก็อกน้ำและฝักบัว ยังถือว่าใช้น้ำเปลืองน้อยกว่าอ่างอาบน้ำหลายเท่าตัว
"ยอดขายของอ่างอาบน้ำยังอยู่ในระดับปกติไม่ได้ลดลงเพราะเราถือว่าอ่างอาบน้ำเป็น
STATUS SYMBOL ห้องน้ำที่สวยที่หรูต้องมีอ่างอาบน้ำ โดยปกติจะมีน้อยรายที่เปิดน้ำใส่อ่างแล้วแช่อาบทุกวัน
ส่วนมากจะใช้ฝักบัว" ศรชัยกล่าว
สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำจะมีผลต่อการประหยัดน้ำเพียงใด คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่กำลังเลือกซื้อสุขภัณฑ์ในปัจจุบันและอนาคต
เพราะคงมีน้อยรายที่จะรื้อสุขภัณฑ์เก่าทิ้งเพื่อเปลี่ยนมาเป็นชนิดประหยัดน้ำ
เว้นเสียแต่ว่าจะมีการปรับอัตราค่าน้ำสูงขึ้นมากจนคุ้มค่าเงิน