|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
และแล้วสงครามราคามือถือรอบใหม่ก็อุบัติขึ้น! คนจุดชนวนคราวนี้นั้นเป็นผู้นำตลาดนามเอไอเอสออกโปรโมชั่นใหม่ สะเทือนไปทั้งวงการ "เอาไปเลยบาทเดียวทุกเครือข่าย" ... สำหรับลูกค้าวัน-ทู-คอลรายใหม่เท่านั้น
ชำนาญ เมธปรีชากุล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด ของ AIS กล่าวว่า AIS ได้ออกโปรโมชั่นใหม่สำหรับลูกค้าในระบบบัตรเติมเงิน"วัน-ทู-คอล!" ที่ซื้อซิมวัน-ทู-คอล! ตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค.
แพ็กเกจดังกล่าวคิดค่าบริการครั้งละ 1 บาท ตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงคืนถึงบ่ายสองโมงเย็น นอกเวลาดังกล่าวคิดค่าบริการนาทีละ 1 บาท สำหรับการโทร.ไปทุกเครือข่าย โดยมีระยะเวลาการใช้โปรโมชั่นถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น (หลังจากนั้นจะคิดค่าโทร.นาทีละ 2 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง) ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อซิมได้ 2 รูปแบบ ราคาซิม 245 บาท รับค่าโทร.ฟรี 50 บาท หรือซื้อซิม 300 บาท รับค่าโทร.ฟรี 300 บาท เป็นต้น
ยังดีที่ระยะเวลาโปรโมชั่นนั้นจำกัดเพียง 2 เดือน
"ยอมรับว่าโปรโมชั่นนี้อาจจะเป็นการจุด ชนวนสงครามราคาอีกรอบ แต่จะไม่ส่งผลกระทบ ต่อเครือข่ายแน่นอน เนื่องจากระยะเวลาของโปรโมชั่นสั้น ฐานลูกค้าที่ใช้ยังน้อยรวมทั้งไม่ได้เปิดให้โทร.ฟรีแบบไม่จำกัดอย่างแต่ก่อน" วิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าว "อย่างไรก็ตามรูปแบบการแข่งขันจะทำแต่ราคาอย่างเดียวและไม่สนใจเรื่องอื่นไม่ได้ แต่ยอมรับว่าหากคู่แข่งทำราคาแข่ง เราก็จะแข่งอีก เพราะทุกวันนี้เครือข่ายเราพร้อมกว่า"
"เราจะไม่ยอมให้ คู่แข่งพยายามแม้แต่จะคิดหวังว่าจะขึ้นเป็นที่หนึ่งได้" เขากล่าวเชิงขู่ทิ้งท้าย
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เอไอเอสได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สำหรับแบรนด์ย่อยต่าง ๆ พร้อมทั้งกระหน่ำยิงโฆษณาอย่างต่อเนื่อง
"ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เอไอเอสมีนโยบายในการทำการตลาดโดยเน้นแบรนด์เป็นหลัก เช่น วัน-ทู-คอล, ซิมสวัสดี และจีเอสเอ็ม โดยในส่วนของแบรนด์จีเอสเอ็ม บริษัทได้เลือก พิม-ซอนย่า คูลิ่ง เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์รายใหม่ หลังจากที่เลือก ลิเดีย นักร้องค่ายอาร์เอสมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ วัน-ทู-คอล ไปก่อนหน้านี้ ส่วนรูปแบบของโปรโมชั่นหลังจากนี้จะเน้นออกโปรโมชั่นที่เน้นให้เกิดปริมาณการใช้งานมากขึ้น ซึ่งอาจจะเน้นการโทร.บ่อย หรือโทร.นานขึ้น" ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าว
คนที่เดือนร้อนที่สุดเห็นทีจะหนีไม่พ้น "ทรูมูฟ"
ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จะทำหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ถึงกรณีที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ได้แสดงความเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ลดราคาให้บริการ อันส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการรายเล็ก
"ไม่รู้ เอไอเอส ทำแบบนี้ได้อย่างไร ที่เล่นเกมในลักษณะนี้ รวมเหมาหมดไม่ว่าจะเป็นทั้งใน และนอกโครงข่าย ทำราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน หรือต่ำกว่ามาตรฐานต้นทุนที่คิดในอัตราอินเตอร์คอนเน็กชั่นชาร์จ 1 บาทต่อนาที" ศุภชัยตัดพ้อ
ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค นั้นก็รู้สึกเห็นใจทรูมูฟ เพราะการเล่นราคาครั้งนี้เหมือนต้องการให้ทรูมูฟออกจากตลาดเลย เพราะราคาของเอไอเอสจะทำให้ทรูมูฟขายไม่ได้
"ในประเทศที่มีฏกระเบียบกำกับดูแลที่เข้มแข็ง เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ให้บริการรายใหญ่หรือเบอร์ 1 ในตลาด จะมีค่าบริการที่ต่ำกว่าเบอร์ 3 แต่สำหรับประเทศไทยที่กฎระเบียบของกทช.ยังไม่ชัดเจน ก็ถือเป็นสิทธิของเอไอเอสที่สามารถทำได้" ธนากล่าว
สงครามยังไม่จบแค่นั้น สมรภูมิย่อยที่ "อีสาน" นั้นก็ระอุดุเดือด
หลังจากมีจดหมายเชิญนักข่าวเข้าร่วมการแถลงข่าวของ DTAC ณ จังหวัดหนองคายได้สัปดาห์เศษ ๆ เอไอเอสก็ชิงตัดหน้าไปซะก่อน
เอไอเอสเปิดแคมเปญ "สวัสดี ชาวอีสาน"ให้สิทธิคนอีสานโทรนาทีละ 1 บาททุกเครือข่าย ชูแนวคิดการตลาดรูปแบบใหม่ เจาะพฤติกรรมแยกตามภูมิภาค ขณะที่ ดีแทค เตรียมยกทัพใหญ่บุกหนองคาย ย้ำความสำคัญพื้นที่เป้าหมายใหม่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้สิทธิผู้ใช้ที่เปิดบริการเลขหมายในเขต 19 จังหวัด โทรออกทุกเครือข่ายทั่วไทยนาทีละ 1 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง เติมเงินเท่าไรใช้ได้ 1 ปีสำหรับลูกค้าใหม่
"อีสานเป็นภูมิภาคที่เอไอเอสมีความแข็งแกร่งมาก เมื่อดีแทคเข้ามาลุยตลาดตรงนี้ เอไอเอสก็ต้องป้องกันให้ถึงที่สุด แต่การแข่งขันของเอไอเอส ยังคงอยู่บนพื้นฐานของโครงข่ายที่มีคุณภาพ ทั้งยังเป็นการสนับสนุนคนอีสาน ให้ติดต่อกับลูกหลานที่มาทำงานไกลบ้านด้วย" ฐิติพงศ์กล่าว
"ตามหลักการที่ไหนอ่อนต้องรุก ที่ไหนแข็งอยู่แล้วต้องป้องกัน และอะไรที่คู่แข่งทำแล้วดี เอไอเอสก็จะทำด้วย" ฐิติพงศ์กล่าวต่อ
"เราต้องการบอกให้รู้ว่าค่ายอื่นอย่าแหยมอีสาน" ชำนาญ กล่าวเสริม
ในวันที่ 25-26 ตุลาคมนี้ ดีแทค พร้อมด้วยทีมผู้บริหารระดับสูง ที่นำโดยนายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ก็จะไปจัดกิจกรรมการตลาดครั้งใหญ่ สำหรับลูกค้าที่ใช้มือถือแบบเติมเงิน (พรีเพด) "แฮปปี้" ที่จังหวัดหนองคาย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสังเกตการณ์และพบปะลูกค้าบริเวณใจกลางเมืองด้วย
สงครามราคาครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่ออุตสาหกรรมในภาพรวม? ดีแทคและทรูมูฟจะโต้ตอบด้วยวิธีไหน? และใครจะเป็นผู้ชนะ?
บทวิเคราะห์
ในฐานะเบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรม เอไอเอสไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดในการเปิดศึกกับเบอร์ 2 อย่างแทค และเบอร์ 3 แต่อย่างใด
ตามทฤษฎีการตลาดนั้น เบอร์ 2 ต้องเป็นฝ่ายโจมตี เปิดเกมรุก เพราะอยู่เฉยไม่ได้ ขณะที่เบอร์ 3 ก็หาตลาดเฉพาะของตัวเองไป แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เบอร์ 3 ทรูมูฟ(True Move) เปิดเกมรุกโดยใช้สงครามราคาทุกครั้ง เพราะไม่มีวิธีใดอีกแล้วจะทำให้คนหันมาใช้ ถ้าไม่ลดราคาแรงๆ เพราะเครือข่ายน้อยกว่า
ทรูมูฟไม่ได้ต้องการมาร์เก็ตแชร์อะไรมากนัก แค่ขอมีที่ยืนอยู่ในอุตสาหกรรมก็น่าจะพึงพอใจแล้ว แต่ที่ ทรูมูฟต้องเปิดเกมรุกลดราคาเป็นบ้าเป็นหลังเพราะไม่มีทางเลือก เพราะถ้ามาร์เก็ตแชร์ไม่ถึง 15% ก็ต้องออกจากยุทธจักรไปอยู่ดี
Do it or Die คือยุทธศาสตร์ของ ทรูมูฟ
เมื่อทรูมูฟเล่นราคา ดีแทคก็ต้องลงมาเล่นประกบไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะถูกบีบจากข้างบนคือเอไอเอสที่มีเครือข่ายมากกว่า และข้างล่าง ทรูมูฟที่ราคาถูกกว่า
การลดราคาลงมาทำให้ ทรูมูฟไม่ได้มาร์เก็ตแชร์มากอย่างที่ควรเป็น และเลือดทรูมูฟก็ไหลไม่หยุด แม้จะได้มาร์เก็ตแชร์แต่ก็แลกต้นทุนสูงมาก ดีแทคก็มีต้นทุนสูง แต่สู้ไหว ไม่ขาดทุน แค่ขาดทุนกำไรเท่านั้น อีกอย่างไม่ Fight Back ก็อยู่ไม่ได้
เอไอเอสไม่ได้สนใจการต่อสู้ของเบอร์ 2 และเบอร์ 3 เพราะยึดมั่นในตำราการตลาดว่าตนเองเป็นเบอร์หนึ่ง ไม่ต้องลงไปเล่นสงครามราคาแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นจะเสียภาพลักษณ์
ทว่าภาพลักษณ์ของเอไอเอสเสียหายมากเพราะไปผูกพันไปอดีตนายกฯทักษิณซึ่งถูกโจมตีทางการเมืองมาก ส่งผลให้โพสต์เพดไหลออกไปราวกับน้ำไหล
ส่วนพรีเพดนั้นก็ไม่ไหลออกมาก แต่ลูกค้ารายใหม่ก็เข้าสู่ระบบน้อย ไม่ต้องพูดถึงอีกว่ากรณีกุหลาบแก้วอาจทำให้สถานการณ์ย่ำแย่หนักขึ้นไปอีก สถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าเอไอเอสจะอยู่หรือไปนั้น ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่เชื่อมั่นในตัวเอไอเอสอีกต่อไป ที่ผ่านมาโฆษณาก็ไม่ค่อยมี คนก็ยิ่งสงสัยว่าเอไอเอสน่าจะถอดใจไปแล้ว
กลยุทธ์ของเอไอเอสก็คือการออกมาสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ เอไอเอสจึงออกโฆษณาถี่ยิบและใช้เปิดสงครามราคารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าตัวเองยังมีฤทธิ์อยู่ และขอให้ลูกค้ามั่นใจได้ ดีแทคก็ไม่ต้องกังวลมาก เพราะสงครามราคาก็แค่ช่วงสั้น เพราะเมื่อมี Inter Charge ก็เล่นต่อไม่ได้
การที่เอไอเอสออกอาการเลือดเข้าตาเช่นนี้ ไม่ได้กลัวถูกตีท้ายครัวหรอก แต่กังวลเรื่องอนาคตของตัวเองมากกว่า สถานการณ์ของเอไอเอสเหมือนกับสถานการณ์ของไทยรักไทยที่กลัวถูกยุบพรรค
เอไอเอสก็กลัวถูกยึดสัมปทานคืน การลุยสงครามราคาแบบเลือดเข้าตา ก็แค่ระบายความอึดอัดเท่านั้น ดีแทคและทรูมูฟก็แค่เจอหางเลขช้างสารเท่านั้นแหละ
|
|
|
|
|