ปราการด่านสำคัญที่ตีกันคนอื่นๆ มิให้เข้าใกล้ "ประสงค์ พานิชภักดี"
ไม่ใช่เลขานุการิณี แต่เธอผู้นั้นทรงอิทธิพลยิ่งกว่า ในฐานะ "ลูกหม้อเก่า"
ที่ใช้เวลา 5 ปี ไต่เต้าขึ้นจนใหญ่มากๆ ในตำแหน่งบริหาร
วรรณา ชัยสุพัฒนากุล ชอบเรียกตัวเองว่า "ปิ๊บ" เธอมีความสำคัญในฐานะกรรมการและบริหารงานฝ่ายบัญชีที่กุมหัวใจอันเป็นความลับของสมประสงค์กรุ๊ป
เป็นคนที่ประสงค์ พานิชภักดีไว้วางใจมากที่สุด
ทั้งๆ ที่พื้นฐานความรู้ วรรณาไม่ได้จบบัญชีโดยตรงแต่ร่ำเรียนทางด้านการตลาดมาจากยูซีแอลเอ
สหรัฐอเมริกา เคยผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวจากเอเยนซี่โฆษณา และเริ่มเข้ามาทำงานกับบริษัทสมประสงค์กรุ๊ปเมื่อห้าปีที่แล้วตั้งแต่ออฟฟิศยังอยู่ที่ตลาดน้อย
มีโต๊ะทำงานเพียง 3-4 โต๊ะ ทำให้สาวนักบริหารคนนี้ซึมซับหรือภาษาวัยรุ่นเรียกว่า
"อิน" ในความเป็นสมประสงค์กรุ๊ปเต็มร้อย ทะนุถนอมภาพพจน์ขององค์กรยิ่งกว่าแม่งูจงอางหวงไข่
"คนในสมประสงค์จะเป็นคนที่ทำงานด้วยใจรัก จะมีน้อยบริษัทมากที่จะทุ่มเทมากเหมือนเรา
เพราะมันเป็นวัฒนธรรมของเราไปแล้ว ทุกคนจะทำงานได้อาทิตย์ละ 6 วัน และกลับค่ำได้โดยยังยิ้มอยู่
เราทำงานสไตล์แบบคนจีน แต่ไม่ใช่ระบบเถ้าแก่ คุณประสงค์ค่อนข้างเป็นจีนแบบฝรั่งความทันสมัยจะเห็นได้จากบุคลิก
แต่งตัวและผมเผ้าสไตล์ทันสมัย" วรรณาเล่าให้ฟัง
คราใดที่ภาพพจน์ของประสงค์มัวหมองไปกับข่าวในสื่อมวลชน เพราะการสื่อสารที่ไม่สมประสงค์ใจของประสงค์ผู้ซึ่งมีภาษา
และวัฒนธรรมแบบจีนสมัยใหม่ที่ไดัรับการศึกษาระดับมัธยมจากฮ่องกงและระดับมหาวิทยาลัยจากออสเตรเลีย
จนกระทั่งเจ้าตัวจะพูดเสมอๆ ว่า "นักข่าวมักจะลงข่าวผิด ผมพูดอย่างหนึ่ง
ไปเขียนอีกอย่างหนึ่ง"
ครานั้นคนรู้ใจเจ้านายอย่างวรรณา ผู้หญิงเก่งและความคิดฉะฉานต้องออกมากแสดงบทบาท
"ตัวเปิด" แทน ขณะที่ประสงค์เองจะชิ่งไปเล่นเรือหรือทำงานระดับ
"นโยบาย" แบบลอยตัว
"ผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรือทำอะไรแล้วในสมประสงค์กรุ๊ป คุณถามคุณวรรณาเถอะ"
ประสงค์กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ทางโทรศัพท์มือถือ หลังจากล่วงเลยเวลานัดหมายตอน
18.30 น. ผ่านไปสองชั่วโมงเต็ม นับว่าเป็นความประทับใจครั้งแรกที่ยากจะลืม!
ระหว่างการรอคอยเพื่อฆ่าเวลา วรรณาได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท สมประสงค์แลนด์
ดิเวลลอปเมนท์ (มหาชน) หรืออักษรย่อว่า "SOMPR" ในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น
โดยเฉพาะกรณีที่มีข่าวว่า ผลประกอบการของสมประสงค์ในปีนี้ย่ำแย่ตั้งแต่ไตรมาสแรก
ซึ่งแสดงออกมาเป็นตัวเลขกำไรต่อหุ้นต่ำมาก เพียง 3.52 บาท แล้วตกลงมาเป็น
1.96 บาทในไตรมาสที่สอง และกระโดดเป็น 5.46 บาทในไตรมาสที่สาม
กระแสความวิตกกังวลและวิพากษ์วิจารณ์ปรากฏในผู้ลงทุนในหุ้นตัวนี้ ได้รับการชี้แจงจากวรรณาที่ดูแลบัญชีการเงินของสมประสงค์ว่า
สาเหตุที่ทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ตกต่ำ เนื่องมาจากการคิดบัญชีรับรู้รายได้แบบใหม่
ที่แจ้งตามความคืบหน้าของโครงการแบบสะสม นับตั้งแต่ยอดขายและการก่อสร้าง
แทนที่จะใช้แบบวิธีเก่าที่ประมาณการแบ่งสัดส่วนเท่ากันหมด
"หลายข่าวๆ เขียนโจมตีว่ายอดขายสมประสงค์ตกต่ำมากหรือป้อแป้เหลือเกิน
แต่เขาไม่เข้าใจวิธีการคิดการรับรู้รายได้แบบใหม่ ซึ่งเราทำก่อนคนอื่น ทำให้เรามีฐานที่ดีในปีหน้า"
วรรณาเล่าให้ฟัง
จากการสำรวจของ "ผู้จัดการ" ยอดขายรวมของโครงการในสมประสงค์กรุ๊ปทั้งหมด
8 โครงการ ที่สิ้นสุดเมื่อตุลาคม 2536 ได้เปิดตัวเลขออกมาสวยงามรวม 3,352
ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเจ้าพระยา 1,779 ล้านบาท สมประสงค์หัวหิน 295
ล้านบาท ลลนาพัทยา 531 ล้านบาท พิมานปิ่นเกล้า 871 ล้านบาท พิมานสวนหลวง
181 ล้านบาท พิมานริมปิง 53 ล้านบาท สวนลลนาสวนหลวง 490 ล้านบาท และพิมานศรีนครินทร์
30 ล้านบาท
จึงเป็นความคาดหวังที่อาจเกิดขึ้นเป็นตัวเลขผลประกอบการที่จะเห็นในปีนี้ประมาณ
1,400 ล้านบาท
เมื่อดูตัวเลขนี้อาจจะให้ภาพที่ลดแรงกดดันจากความเครียดของผู้ลงทุนได้บ้าง
ว่ากำไรต่อหุ้นของสมประสงค์กรุ๊ปในสิ้นปีนี้คงไม่เลวร้ายอย่างที่คิด
วรรณาได้เล่าให้ฟังถึงวิธีการที่จะปรับโครงสร้างภาระหนี้สินหมุนเวียนที่สูงถึง
3,000 ล้านบาทซึ่งเกิดจากปีนี้มีการลงทุนในโครงการลลนา 1,000 ล้านบาทและ
2,000 ล้านในโครงการเจ้าพระยา แม้ว่าสินทรัพย์สมประสงค์จะสูงขึ้น 3,386 ล้านบาท
และมีเงินโอนอีก 60% หรือ 2,300 ล้านรออยู่ในปีหน้าก็ตาม
เป้าหมายที่ลด DEBT/EQUITY ลงจากอัตราส่วน 1:2.88 เป็น 1:1.08 วรรณา ผู้บริหารด้านนี้เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการจัดการได้สามวิธี
ขั้นตอนแรกกระจายหุ้นอยู่ในมือผู้ถือหุ้นชาวต่างประเทศประเภท LONG TERM INVESTMENT
จำนวน 34% ซึ่งประกอบด้วยกองทุนบำนาญต่างประเทศและสถาบันการเงินต่างประเทศ
เช่น ซิตี้แบงก์ อินโดสุเอซ เอไอเอ CREDIT SUISSE , ZURICH แห่งสวิส BANQUE
PARIBAS, PARIS ฯลฯ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สมประสงค์ได้เงิน 1,400 ล้าน
ขั้นตอนที่สองคือ วิธีการเพิ่มทุนซึ่งจะมีการขายหุ้นใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งจะทำให้สมประสงค์ได้เงินทุนเพิ่มอีกพันกว่าล้าน
ขั้นตอนที่สาม คือ วิธีการออก "EURO CONVERTIBLE BOND" ระดมเงินทุนได้
1,400 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเพียง 4% ที่วรรณากล่าวว่าไม่เคยมียุคสมัยใดที่อัตราดอกเบี้ยจะถูกที่สุดเช่นขณะนี้
จากเงินทุนที่ระดมได้กว่า 3,000 ล้านบาททำให้สมประสงค์กรุ๊ปสามารถประหยัดต้นทุนการเงินได้มหาศาลจากการลดดอกเบี้ยลงถึง
133% ตามตรรกะธุรกิจสมประสงค์ก็น่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น และมีเม็ดเงินลงทุนซื้อที่ดินสะสมเพิ่มไว้ในแลนด์แบงก์และเงินทุนหมุนเวียนได้มาก
ผลประกอบการตามที่วาดหวังเช่นนี้จะให้ผลสมประสงค์อารมณ์หมายของนักลงทุนในหุ้น
SOMPR หรือไม่ ? ความจริงคงปรากฏขึ้นในไตรมาสแรกของปีหน้า ใครที่ยังสงสัยถามเจ้าแม่สมประสงค์กรุ๊ปเอาเอง