บิ๊กทหารไทย บ่นข่าวเพิ่มทุนรั่ว กระทบแผนเจรจา ผู้ร่วมทุนกลุ่มใหม่ หวังให้ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ก่อนเปิดเผย
คาดเพิ่ม ทุนได้ภายในปีนี้ หลังจากการเดินแผนล้างขาดทุนสะสมทันที มั่นใจทำสำเร็จแน่
พร้อมปฏิเสธข่าวควบรวม แบงก์ชาติเห็นด้วยสั่งทำแผน สำรองหนี้และเพิ่มทุนให้มีความชัดเจนภายในสิ้นก.พ.หรือต้นมี.ค.นี้
ยันไม่คิดแทรกแซงเพราะมีฐานะที่มั่นคงดีอยู่แล้ว ด้านแบงก์กรุงเทพ เตรียมล้างขาดทุนสะสมหลังไถ่ถอนแคปส์
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่านายศิริ
การเจริญดี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ทหารไทยได้เข้าหารือกับธปท.เพื่อหาแนวทางการเสริมฐานะความแข็งแกร่งและการกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญในธนาคารทหารไทยเพิ่มขึ้น
และกำลังเตรียมทำดังกล่าว ทั้งเรื่องการสำรองหนี้เพิ่ม รวมทั้งแผนการ เพิ่มทุนมาให้ธปท.ได้พิจารณา
ทั้งนี้จากการพิจารณาในเบื้องต้นเห็นว่า เป็น เรื่องที่ดี แต่แผนที่เสนอมายังไม่มีตัวเลขการกันสำรองหนี้เพิ่มเติม
และการเพิ่มทุนใหม่ที่ชัดเจนว่าเป็นจำนวนเท่าไร และเงินลงทุนใหม่จะมาจากที่ใด
จึงได้ให้ธนาคารทหารไทยกลับไปดำเนิน การจัดทำแผนให้มีความชัดเจนมากกว่าเดิม
เพื่อ เสนอกลับมายัง ธปท.อีกครั้งว่า จะมีการสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมจำนวนเท่าไร
และจะมีกระบวนการในการเพิ่มทุนใหม่อย่างไร
"คาดว่าแผนการสำรองหนี้และการเพิ่มทุน ใหม่นั้นจะเสร็จประมาณสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
เพราะเห็นว่าได้จ้างมอร์แกน สแตนเลย์ เป็นที่ปรึกษาและช่วยทำแผนเพิ่มทุนให้อยู่
คาดว่าแผน ต่างๆ จะเสร็จทันในสิ้นกุมภาพันธ์หรือต้นมีนาคมนี้ หลังจากนั้นธปท.ก็จะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง"
ผู้ว่าการธปท.กล่าว
ขณะนี้ยืนยันว่าฐานะการดำเนินงานและฐานะการเงินของธนาคารทหารไทยยังไม่ได้มีปัญหาอะไร
ดังนั้นประเด็นของการควบกิจการนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเชื่อว่าเวลานี้ไม่มีธนาคารแห่งใดที่มีเงินมากเพียงพอให้กับธนาคารทหาร
ไทย รวมทั้งประเด็นที่ธปท.จะเข้าไปแทรกแซงก็ไม่เป็นความจริง
ทหารไทยโวยข่าวเพิ่มทุนรั่วกระทบแผน
นายศิริ การเจริญดี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่าธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มทุนเพื่อเสริมฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง
เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต รวมทั้งต้องการที่จะตั้งสำรองให้เพียงพออย่างเบ็ดเสร็จโดยที่ไม่ต้องตั้ง
สำรองในจำนวนมากเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
การเพิ่มทุนดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนของ การทำแผนศึกษาตัวเลขและภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด
โดยมีความตั้งใจว่า เมื่อแผนทุกๆอย่างออกมาชัดเจนและได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้วธนาคารก็จะแจ้งตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทยและเปิดเผยให้ทราบทั่วกัน
"การที่ข่าวเพิ่มทุนของแบงก์ได้ออกมาก่อน ที่แผนทุกอย่างจะเสร็จ มีผลกระทบกับทุกๆ
อย่าง ทั้งเรื่องของผู้ถือหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ ลูกค้า ที่สำคัญกระทบกับพันธมิตรที่แบงก์กำลังเจรจาให้มาร่วมทุนอยู่
ซึ่งจะต้องเร่งหารือและอธิบายให้กับพันธมิตรให้รับทราบอย่างชัดเจนถึงข่าวเพิ่ม
ทุนที่ออกมาก่อนทุกอย่างจะเสร็จอย่างสมบูรณ์" นายศิริกล่าว
สำหรับแผนการเพิ่มทุนนั้น ธนาคารได้จ้าง มอร์แกน สแตนเลย์ เข้ามาทำแผน
ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในเดือนนี้ และจะนำเสนอให้กับคณะกรรมการธนาคารอนุมัติ
หลังจากนั้นก็จะนำเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นประมาณต้นเดือนเมษายนเพื่ออนุมัติ
และจะดำเนินการเพิ่มทุน โดยจะทำให้เสร็จภายในปีนี้
ประเด็นของการเพิ่มของธนาคารต้องการที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเงินกองทุนในการ
ดำเนินธุรกิจในอนาคตและตั้งสำรองที่เพียงพอ โดยไม่เกี่ยวข้องกับแคปส์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน
ในปี 2547 โดยมองการไถ่ถอนแคปส์นั้นเป็นโอกาศมากกว่าที่จะเป็นวิกฤตทำให้ธนาคารเสียหาย
เพราะขณะนี้ธนาคารมีต้นทุนกับดอกเบี้ยแคปส์ประมาณปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท
ทำให้เสียโอกาศในการสร้างกำไรอย่างมาก
"ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานในตำแหน่งรักษาการ กรรมการผู้จัดการ 3 เดือน
ทำให้แบงก์มีกำไรถึง 1,100 ล้านบาท แต่จะต้องมาเสียให้กับดอกเบี้ยแคปส์จำนวนมากเป็นการเสียโอกาส"
นายศิริกล่าว
เพิ่มทุนเสร็จล้างขาดทุนสะสมทันที
นายศิริ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ธนาคารได้ เพิ่มทุนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีแผนที่จะล้างขาดทุน สะสมให้หมดทันที โดยจะใช้ช่องของกฎหมายมหาชน ที่จะนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมที่มีประมาณ
44,000 ล้านบาท ซึ่งการใช้วิธีนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นมาล้างนั้น อาจจะยังไม่หมด
ทันที เพราะมีเงินจากส่วนล้ำมูลค่าหุ้นน้อยกว่าขาดทุนสะสม ดังนั้น อาจจะนำผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจมาล้างขาดทุนสะสมด้วย
ปฏิเสธควบรวมกิจการ
เมื่อวานนี้ธนาคารทหารไทยได้ส่งข่าวปฏิเสธ การควบรวมกิจการมายังสำนักพิมพ์ต่างๆ
โดยชี้แจงว่าธนาคารขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าจะไม่มีการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ
และไม่ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าวกับทางการเลยตามที่มีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยธนาคารได้มีนโยบายที่จะตั้งสำรองอย่างเดิมที่ เพื่อให้เพียงพอที่จะแก้ปัญหาหนี้ด้อย
คุณภาพ หรือเอ็นพีแอลที่มีอยู่ โดยมีเป้าหมายที่ จะให้มีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอยู่ในระดับมาตรฐานธนาคารชั้นนำ
และเพื่อเป็นประโยชน์ที่จะลดต้นทุนของธนาคารในการดำเนินการธุรกิจธนาคารมีนโยบาย
จะไถ่ถอน Super Caps ในปี 2547 ซึ่งจะลดต้นทุนของธนาคารประมาณปีละ 2,000
ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะกลับมาเป็นกำไรของธนาคารต่อไป
ธนาคารได้ว่าจ้างที่ปรึกษามาประเมินข้อมูล ในส่วนนี้เพื่อประกอบการทำแผนการเงินและแผนเพิ่มทุน
แผนการเงินดังกล่าวธนาคารได้มีการหารือกับกระทรวงการคลังและผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างใกล้ชิด
โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าแผน การเงินนี้จะต้องแล้วเสร็จสมบูรณ์ก่อนการประชุม
สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
ในปี 45 ธนาคารมีผลการดำเนินงานขาดทุน 160 ล้านบาท นั้น เป็นผลมาจากใน
3 ไตรมาสแรก ธนาคารได้ตั้งสำรองในเกณฑ์สูงกว่า 2,200 ล้านบาท จึงมีผลให้
3 ไตรมาสธนาคารแสดงผล ขาดทุนสูงเกือบ1,300 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินงาน ที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากการที่ธนาคารสามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยค้างที่ลูกค้าหยุดชำระมาเป็นเวลานาน
ได้มากกว่า 200 ล้านบาท ในขณะเดียวกันธนาคาร สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้เพิ่มขึ้นในเกณฑ์สูง
และธนาคารไม่มีภาระต้องสำรองอีก จึง ทำให้ผลประกอบการออกมาอยู่ในเกณฑ์ดีดังกล่าว
มิใช่เป็นผลมาจากการที่ธนาคารนำสำรองเกินที่ตั้งไว้มา Book เป็นผลกำไร ตามที่นักวิเคราะห์เข้าใจกัน
ธนาคารทหารไทยขอให้ความมั่นใจแก่ลูกค้า และนักลงทุนทั้งหลายว่า ฐานะของธนาคารยังมีความเข้มแข็งมั่นคง
ในปี 2545 ที่ผ่านมา ธนาคาร สามารถขยายธุรกิจทั้งด้านเงินฝากและสินเชื่อใน
เกณฑ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยระบบธนาคารพาณิชย์ผู้ถือ หุ้นใหญ่ของธนาคารมีความมั่นใจว่าธนาคารมีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจให้เติบโตเข้มแข็งทัดเทียมธนาคารพาณิชย์ชั้นนำได้ต่อไป
บิ๊ก BBLไม่ห่วงไถ่แคปส์ 4.6 หมื่นล.
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการ บริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่าธนาคารไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการไถ่ถอนหุ้น บุริมสิทธิควบหุ้นกู้ด้อยสิทธิหรือแคปส์ของธนาคารจำนวน
46,033 ล้านบาทมากนัก เนื่องจาก มีแนวทางในการไถ่ถอนอยู่หลายวิธี อีกทั้งยังเหลือเวลาอีกประมาณ
2 ปีที่จะครบวาระการไถ่ถอนดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบหาวิธีมากนัก
การที่จะเลือกใช้วิธีใดไถ่ถอนแคปส์ของธนาคารนั้น จะต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบด้วย
เช่น เรื่องของต้นทุนที่จะต้องทำให้ ได้ต่ำกว่าต้นทุนของแคปส์ เรื่องของจำนวนที่จะไถถอนระยะเวลาที่เหมาะสม
"เราจะเลือกวิธีที่ดีที่สุด เพราะมีหลายทางเลือกทั้งเพิ่มทุน รีไฟแนนซ์หรือผสม
ทางเลือกต่างๆ ไม่ได้มีความหนักใจ ซึ่งคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตามการไถ่ถอนขึ้นอยู่กับผลประกอบการด้วย
หากออกมาดีก็ไม่จำเป็น ต้องเพิ่มทุน" นายโฆสิตกล่าว
เล็งล้างขาดทุนสะสม
การไถ่ถอนแคปส์ของธนาคารนั้นจะช่วยลด ต้นทุนให้กับธนาคารจำนวนมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของแคปส์อยู่ในระดับ
11% ซึ่งเมื่อเทียบ กับต้นทุนดอกเบี้ยอื่นๆ ของธนาคารแล้วสูงมาก หลังจากที่ลดต้นทุนดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่เป็นกำไรทันทีทำให้มีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้นนอกจากนี้การดำเนินธุรกิจ
มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องธนาคารจึงมีนโย-บายที่จะล้างขาดทุนสะสมทันทีในช่วงปี
2547
สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ
6,000 กว่า ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรในแต่ละไตรมาส 1,500-2,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นแนวโน้มของกำไรที่ดี
จึงมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่มีโอกาสทางธุรกิจต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อน่าจะได้ตามเป้าหมายเพิ่มสุทธิ
2-3% ของฐานสินเชื่อรวม
"ปีนี้ถึงปี 47 คงไม่มีอะไรที่จะวิตกเรื่องการ ขยายงานและปีนี้ผลประกอบการน่าจะใกล้เคียง
กับปี 45 เนื่องจากธนาคารมีโอกาสขยายธุรกิจได้ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามแม้ว่า จะมีภาวะการแข่งขันที่รุนแรงแต่เมื่อบวกลบคูณหารแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา"
ประธานกรรมการบริหารกล่าว
สำหรับการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ธนาคารจะตั้งตามกำลังของธนาคาร
หากมีเม็ดเงินในปริมาณที่มาก หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นธนาคารก็จะตั้งเพิ่มขึ้น
จะพิจารณาเป็นรายไตรมาส ส่วน เรื่องการเพิ่มทุนนั้น ในปีนี้ยืนยันไม่เพิ่มทุน
หาก ผลประกอบการดีก็ไม่ต้องเพิ่มทุน และคาดว่าจะมีกำไรที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องอัตรา ดอกเบี้ยนั้น ในระยะนี้คงไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับสภาพคล่องของธนาคาร
ณ ปัจจุบันยังทรงๆ อยู่ ถ้าขยายธุรกิจได้มากก็จะช่วยลดสภาพ คล่องได้มาก