"อีจีว" ชี้ชัดภาษีสรรพสามิต 20% ส่งผลกระทบราคาหนังแพงขึ้น ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก
ยันโรงหนังไม่ใช่เป็นแค่บันเทิง หากเก็บภาษีจริงส่งผลเทปผี ซีดีเถื่อนโตอีกระลอก
จากราคาต่ำกว่า ล่าสุดเปิดตัว"อีจีวี ไดรฟ์-อิน คาเฟ" แห่งแรกในไทย
ด้วยบรรยากาศเก้าอี้รถยนต์ส่วนตัวที่ซีคอนสแควร์ ลงทุนปรับโรงเก่า 15 ล้านบาท
ขายตั๋ว 250 บาทพร้อมอาหาร
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการและประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอีจีวี
เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะเก็บภาษีสรรพสามิต
20% ซึ่งโรงหนังถูกจัดอยู่ในหมวดบันเทิงและหย่อนใจ ถือเป็นหนึ่งในหลายธุรกิจที่จะถูกเรียกเก็บด้วยนั้น
ในส่วนตัวคิดว่าหากนำมาใช้จริงจะส่งผลต่อธุรกิจโรงหนัง เพราะจะทำให้ต้นทุนตั๋วสูงขึ้น
จากเดิมที่มีภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว 7% และเมื่อมาเจอภาษีสรรพสามิตอีก 20%
เท่ากับจะต้องจ่ายเพิ่มรวมเป็น 27% เป็นอย่างต่ำ
ผลกระทบดังกล่าวทำให้ราคาตั๋วต้องเพิ่มขึ้น 27% หรือคิดเป็น 27 บาท จากฐานราคาตั๋วเดิมเฉลี่ยที่
100 บาท ซึ่งจริงๆ แล้วธุรกิจโรงหนังเป็นธุรกิจบันเทิง ผสมผสานกับการศึกษาที่เรียกว่า
เอ็ดดูเทนเมนท์ ซึ่งไม่ใช่เป็นความบันเทิงอย่างเดียว อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อวงการโดยรวมด้วย
และจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปัญหาเทปผี ซีดีเถื่อนเติบโตขึ้นมาอีก เพราะคนจนจะหันไปบริโภคสิ่ง
ดังกล่าวด้วยราคาต่ำกว่า การตัดสินใจมาดูหนังที่โรงหนังจะ ยากขึ้นกว่าเดิมเพราะราคาที่สูงขึ้น
"เวลานี้ยังไม่ได้ประกาศใช้ภาษีสรรพสามิตใหม่ เป็นเพียงแนวคิดของรัฐบาลเท่านั้นจึงยังไม่อยากไปตื่นกลัวอะไรมาก
แต่ถ้าหากจะนำมาใช้จริงในฐานะเป็นผู้ประกอบการคงจะต้องรวมตัวกันทำเรื่องร้องเรียนหรือชี้แจงผลกระทบและข้อมูลต่างๆ
ให้ภาครัฐได้ทราบว่าโรงหนังไม่ใช่สถานบันเทิงเหมือนกับสถานประกอบการบันเทิงอื่น
นายวิชัยกล่าวต่อถึงแผน การดำเนินธุรกิจว่าในปีนี้เป็นปีที่ 10 ของอีจีวี
จึงมีแผนที่จะปรับปรุงและนำบริการใหม่ๆ สู่ตลาดรวมทั้งแผนการบุกตลาดเดิมทีด้วยงบตลาด
100 ล้านบาท ซึ่งแยกจากงบลงทุนปรับปรุงและเปิดโรงใหม่ที่มากกว่า 200 ล้านบาท
กลยุทธ์ใหม่ที่นำเสนอวงการคือ โรงหนังอีจีวี ไดรฟ์-อิน คาเฟ่ ซึ่งรูปแบบนี้ถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
เป็นสาขาแรกที่ซีคอนสแควร์ด้วยการปรับโรงมาตรฐานเดิม 1 โรงขนาด 350 ที่นั่ง
ปรับมาเป็นที่นั่งแบบรถยนต์จำลองสองรุ่นยอดนิยม ในยุค 50 คือ บีเอ็มดับบลิว
507 รุ่นปี 1956-1959 กับไครสเลอร์รุ่น นิวยอร์กเกอร์ จำนวน 16 คัน รวม 48
ที่นั่ง ซึ่งบรรยากาศภายในเป็น การจำลองรูปแบบไดรฟ์-อินแบบ
เอาท์ดอร์ในต่างประเทศ แต่อีจีวีทำเป็นอินดอร์แห่งแรกในไทย
อีจีวี ไดรฟ์-อิน คาเฟ่นี้ จะฉายหนังทุกชั่วโมง รอบละ 45 นาที ฉายหนังพิเศษไม่ใช่หนังฮอลลีวูดทั่วไป
ราคา 250 บาทต่อที่นั่ง ซึ่งรวมอาหารด้วยกำหนดฉาย 4 เรื่องต่อวัน ถ้าเหมาโรงจัดงานคิดราคาประมาณ
14,000 บาทต่อชั่วโมง คาดจะทำรายได้ประมาณ 20 ล้านบาทในปีแรก โดยจะลงทุน
ปรับปรุง 15 ล้านบาท และมีแผน ที่จะขยายต่อไปที่สาขาฟิวเจอร์ พาร์ครังสิตอีก
1 โรงแต่คงไม่สามารถทำได้ทุกสาขาขึ้นอยู่กับทำเลและพื้นที่ ซึ่งสาเหตุที่เลือกทำที่ซีคอนฯกับฟิวเจอร์พาร์ครังสิตเพราะเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่
และอีจีวีมี 14 โรงในแต่ละแห่ง และเป็นสองสาขาที่ทำรายได้สูงสุดของบริษัทด้วย
นอกนั้น ยังปรับปรุงสาขาเก่าให้มีโรงโกลด์คลาส คือ สาขาปิ่นเกล้า แฟชั่นไอส์แลนด์
ฟิวเจอร์ พาร์ครังสิต เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ ให้ผู้บริโภค โดยวางเป้าหมายจะปรับทุกสาขาให้เป็นโรงภาพยนตร์โกลด์คลาสทุกสาขา
และคาดว่าภายในปีนี้จะเปิดสาขาใหม่อีก 2-3 แห่ง ที่ชัดเจนแล้ว คือ สาขา บิ๊กซีราชดำริ
ลงทุน 800 ล้านบาท พื้นที่ 20,000 ตารางเมตร
อีจีวีคาดว่าในปีนี้จะทำรายได้ 1,100 ล้านบาท เติบโต 5% ครึ่งปีงบประมาณที่ผ่านมานี้ทำได้แล้ว
500-600 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากการขายตั๋ว 75% และธุรกิจอื่น 15%
เช่น เครื่องดื่ม อาหาร สื่อโฆษณา และการจัดงาน ปัจจุบันอีจีวีมีโรงหนังเปิดบริการ
10 สาขา จำนวน 85 โรง รวม 21,000 ที่นั่ง ส่วนแบ่งตลาด 30%