กรุงศรีฯเผยปีหน้ารุกตลาดรายย่อยต่อ แม้หลายแบงก์หันจับตลาดรายย่อยมากขึ้น มั่นใจสิ้นปีทำยอดสิ้นเชื่อได้ตามเป้าใหม่ 20,000 ล้าน ระบุแม้จะหั่นยอดลง แต่ยังคงเป้ารายได้เท่าเดิม
นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีหน้าว่า ธนาคารยังมีเป้าหมายรุกตลาดรายย่อยต่อไป แม้ว่าแนวโน้มการแข่งขันในปีหน้าธนาคารต่างๆจะมีการหันมารุกตลาดดังกล่าวมากขึ้นโดยมองว่าเมื่อมีการแข่งข ันจะทำให้ตลาดมีสีสันมากขึ้นส่วนจะเน้นในส่วนใดเป็นหลักนั ้นคงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร
“ปีหน้าเราตั้งเป้าหมายโตตามปกติ แต่หากจีอีเข้ามาก็จะเป็นตัวเร่ง ส่วนจะโตเท่าไหร่ต้องมาร่วมกันก่อน ทีมทำงานก็ยังทำอยู่ ที่สำคัญก็ยังไม่มีปัจจัยลบอะไร ซึ่งแล้วแต่เขาว่าจะประมวลผลเป็นอย่างไร ดังนั้น เหตุที่เขาลังเลไม่ใช่เป็นปัจจัยจากธนาคาร แต่ 1 เดือน เราไม่รู้ว่านโยบายของเขามีอะไรเปลี่ยนแปลงในประเทศเราหรือไม่ แต่ทั้งหมดหากไม่เป็นอย่างที่คิดก็ไม่ใช่เพราะเรา ไม่ใช่เพราะว่าประเทศเรา แต่เป็นเพียงเรายังไม่รู้ถึงกติกาของเขาเท่านั้นเอง”นางชาลอตกล่าว
สำหรับกรณีการปรับเป้าสินเชื่อธนาคารที่ผ่านมาจาก 36,000 ล้านบาทมาอยู่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดสินเชื่อผู้ประกอบการรายใหญ่ เพราะช่วงต้นปีที่ผ่านมามีปัจจัยลบค่อนข้างมาก ดังนั้น หากเร่งปล่อยสินเชื่อเกรงว่าจะเกิดความเสี่ยงมากกว่า อย่างไรก็ดี ธนาคารได้กระจายความเสี่ยงไปยังลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉลี่ยปล่อยสินเชื่อที่ 10,000 ล้านบาทเท่ากัน
“แม้จะมีการปรับเป้าแต่รายได้ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีรายได้จากค่าธรรมเนียม เราจะพยายามทำให้ได้ตามเป้า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าจะเก็บเกี่ยวได้จากส่วนไหน หากรายได้เป็นไปตามป้าเราก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยสินเชื่อหากมันมีความเสี่ยงมากกว่า ดังนั้น เราจึงกระจายรายย่อยและรายใหญ่อย่างละประมาณ 10,000 ล้านบาท“ นางชาลอตกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อ 9 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 18,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายใหม่ โดยแม้จะปรับเป้าหมายเหลือ 20,000 ล้านบาทก็ตาม แต่รายได้ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีรายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆเข้ามาชดเชย อีกทั้งเห็นว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะราคาน้ำมันและดอกเบี้ยในประเทศเริ่มทรงตัว ขณะที่การเมืองอยู่ในสถานการณ์สงบชั่วคราว ทำให้มีปัจจัยบวกมากขึ้น อีกทั้งการทำงานของรัฐรักษาการ แม้เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ แต่ก็ซึ่งเชื่อว่าต้องรีบออกมาตรการต่าง ๆ มาบังคับใช้ ส่งผลให้ภาคธุรกิจวางแผนงานได้ง่ายขึ้น จึงเชื่อว่าไตรมาส 4 ของปีนี้ไม่น่าเลวนัก
อย่างไรก็ตาม ในสิ้นปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายรายได้จากค่าธรรมเนียมของธนาคารไว้ที่ 2,800 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก ซึ่งค่าธรรมเนียมจากวานิชธนกิจ หรือรายใหญ่นั้น ธนาคารได้ได้นำมารวมด้วย และไตรมาส 3ที่ผ่านมาทำได้ถึง 2,200 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าหมายที่วางไว้ 6%
|