|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ยูนิฟเปลี่ยนผู้คุมบังเหียนใหญ่ใหม่ ดึง”ออสการ์ ลู” ขึ้นแท่นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ แทนที่ “ทีเซิน หยาง” หลังหมดวาระในไทย ยันแผนลุยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 หมื่นล้านบาท ยังอยู่ในแผน ล่าสุดเคลื่อนทัพตลาดชาเขียว เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาบาร์เลย์ แบล็กที ปักหลักลุยตลาดชาดำเต็มสูบ สิ้นปีตั้งเป้ากวาดรายได้รวม 1.4 พันล้านบาท
แหล่งข่าวจากบริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มยูนิฟ กรีนที,น้ำผลไม้เดลี่ซี และไอเฟิร์ม เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน” ว่า ขณะนี้บริษัทฯได้แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ คือนายออสการ์ ลู ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนที่นายทีเซิน หยาง ที่เพิ่งหมดวาระการบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นปกติตำแหน่งนี้ตามธรรมเนียมประเทศไต้หวัน จะผลัดตำแหน่งให้ผู้บริหารใหม่ เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนผู้บริหารที่เข้ามาบริหารในประเทศไทยครบ 5 ปี
สำหรับกรรมการผู้จัดการคนใหม่ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ มีรายงานแจ้งว่า ทางบริษัทฯยังไม่มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่แต่อย่างใด ส่วนแผนการเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรายูนิฟ หนึ่งในสินค้ากลุ่มอาหารจากประเทศไต้หวัน ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย นำร่องก่อนจะรุกตลาดอาหารอย่างเต็มรูปแบบ ยังอยู่ในแผนเดิมอยู่แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการผู้จัดการคนใหม่ก็ตาม
ทั้งนี้การทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เดิมทียูนิฟจะนำเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยเลือกบรรจุภัณฑ์โบลว์หรือชามเข้ามาทดลองตลาดก่อน ซึ่งมีแผนจะจำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ได้วางแผนที่จะผลิตขึ้นที่ประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ของนายออสการ์ ลู บังเหียนคนใหม่ของยูนิฟเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะก้าวใหม่ในการรุกกลุ่มอาหาร เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงสร้างรายได้หลัก 30%ของบริษัทฯมาจากธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้ตรายูนิฟ ซึ่งสภาพตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในไทยมูลค่า 4,000 –5,000ล้านบาท กำลังอยู่ในช่วงขาลง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายทีเซิน หยาง ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ได้วางนโยบายให้ความสำคัญเป็น 3 ลำดับ ประกอบด้วย ลำดับแรก โฟกัสกลุ่มชาเขียว-น้ำผักและผลไม้ กลุ่มธุรกิจลำดับสอง ต่อไป คือ น้ำผลไม้ และสปอร์ตดริ้งก์ และอันดับสุดท้าย คือ การรุกตลาดชาพร้อมดื่มในเซกเมนต์ใหม่นอกเหนือจากชาเขียว
สำหรับความเคลื่อนไหวของชาเขียวพร้อมดื่มยูนิฟล่าสุดได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้การสื่อสารฟังก์ชันนัล ชาเขียวที่ดีต้องมาจากยอดใบชาอ่อน หลังจากก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการต้องการผลักดันให้ตลาดมีอัตราการเติบโต โดยหันมาผลักดันด้านอีโมชันนัลหรือชูจุดขายด้านความสดชื่น เพื่อช่วงชิงกับเครื่องดื่มเซกเมนต์อื่นๆ อาทิ น้ำอัดลม
โดยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ ยูนิฟเลือกชูผลิตภัณฑ์ชาดำพร้อมดื่ม”บาร์เลย์ แบล็กที”เข้ามาเป็นรสชาติที่จะทำตลาดในเชิงรุก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดชาดำปัจจุบันมีมูลค่า 800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15 %ของตลาดชาพร้อมดื่ม ซึ่งเป็นตลาดที่เล็กมีคู่แข่งน้อยราย โดยมีเพียงลิปตัน จากค่ายเป๊ปซี่เข้ามาดำเนินการตลาดอย่างจริงจัง จึงทำให้บริษัทเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด
ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่ม 4,000 -5,000 ล้านบาท ปีนี้ในเชิงมูลค่าอาจจะลดลงแต่ในแง่ปริมาณไม่ลดลง โดยตลาดยูเอชทีหรือชนิดกล่องลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของตลาดรวม สำหรับผู้นำตลาดชาเขียวยังเป็นโออิชิ กรีนทีครองส่วนแบ่ง 60% อันดับที่สองคือ ยูนิฟ 20% เซนชะมี 6% เพียวริคุ 3% โมชิ 2%
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้า 1.4 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น ยูนิฟ กรีน ที 30% ยูนิฟน้ำผักและผลไม้ 40% กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มให้พลังงาน ยูนิฟ-ไอเฟิร์ม 10% กลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟ A-Ha 10% และผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 10%
|
|
|
|
|