Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2543
ชอว์น แฟนนิงแห่งแนปสเตอร์ ผู้สั่นสะเทือนวงการเพลงโลก             
โดย รุ่งมณี เมฆโสภณ
 


   
search resources

Shawn Fanning
Networking and Internet




ชอว์น แฟนนิง (Shawn Fanning)

เด็กหนุ่มอเมริกันวัย 19 ปีผู้นี้คือ ผู้คิดค้นโปรแกรมแนปสเตอร์ (Napster) ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนเพลงผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น จุดนี้เอง ที่ทำให้บรรดายักษ์ใหญ่ในวงการเพลงโลกปั่นป่วน และท้ายที่สุดก็ตัดสินใจฟ้องศาล เพื่อให้แนปสเตอร์ปิดกิจการ ยุติการละเมิดลิขสิทธิ์เพลง

เวลานี้ประเมินว่ามีผู้ใช้บริการแนปสเตอร์ประมาณ 38 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา แนปสเตอร์ก็ตัดสินใจว่าจะเก็บค่าสมาชิกดือนละ 4.95 เหรียญสหรัฐ โดยจะนำเงินนี้ไปจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งแผนการดังกล่าวนี้มีแบร์เทลส์มันน์ (Bertelsmann) บริษัทเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ ที่ครองสื่อโลก และเป็นหนึ่งในกลุ่ม ที่ก่อนหน้านี้พยายามจะปิดกิจการของแนปสเตอร์เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในด้านการเงิน โดยแลกกับการเข้ามาถือหุ้นแนปสเตอร์ นอกจากนั้น แบร์เทลส์มันน์ยังจะยอมถอนฟ้องแนปสเตอร์อีกด้วย แต่ทั้งนี้จะรอจนกว่าแนปสเตอร์เริ่มดำเนินการเก็บค่าบริการจากลูกค้าแล้ว ขณะเดียวกัน แนปสเตอร์เองก็พยายาม ที่จะเจรจาหาทางยุติคดีความกับบรรดายักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ทั้งโซนี่ (Sony) อีเอ็มไอ (EMI) และยูนิเวอร์แซล (Universal) ส่วนการเจรจาระหว่างแนปสเตอร์กับทางวอร์เนอร์ มิวสิก กรุ๊ป (Warner Music Group) มีรายงานข่าวว่าล้มเหลวไปแล้ว

สิ่งที่ทำให้บรรดายักษ์ใหญ่เหล่านี้โกรธเกรี้ยวแนปสเตอร์จนถึงขั้นฟ้องร้อง เพื่อปิดกิจการ ก็เพราะมองว่าแนปสเตอร์เอาเปรียบธุรกิจของพวกเขา รวมทั้งมองไกลไปถึงอนาคตด้วยว่า ถ้าหากพวกเขาต้องการจะขายเพลงผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรือวิธีอื่นบ้างก็จะไม่สามารถทำได้ ถ้ามีคนให้บริการใช้ฟรีอยู่อย่างนี้

มาถึงวันนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า แนปสเตอร์ไม่ต้องการแตกหัก และต้องปิดกิจการไปตามคำสั่งศาล แต่ทางออก ที่ลงตัวบนเส้นทางแห่งผลประโยชน์ของวงการเพลงโลกจะออกมาในรูปไหนคงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า แฟนนิงจะเปลี่ยนสถานะจากการเป็นศัตรูหมายเลข 1 ในสายตาของบรรดายักษ์ใหญ่ในวงการเพลงโลกได้สำเร็จหรือไม่

ขณะที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ก็คงจะได้บรรลุสัจธรรม ที่ว่า "โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี" กันอีกครั้งหนึ่ง!

ส่วนพวก ที่หนุนแนปสเตอร์ก็อาจจะรู้สึกอกหักกันบ้าง

อย่างเช่นวงดนตรี Limp Bizkit บอกว่า ที่สนับสนุนแนปสเตอร์ก็เพราะเห็นว่าเป็นช่องทางเดียว ที่จะทำให้วงดนตรีวงเล็กวงน้อย ที่ตั้งกันขึ้นมาด้วยใจรักสามารถแจ้งเกิด และรอดพ้นจากเงื้อมมือของบรรดาบริษัทเพลงใหญ่ๆ ที่คุมอุตสาหกรรมนี้ได้

ไม่ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร แต่ตอนนี้เรามารู้จักเด็กหนุ่มผู้คิดค้นโปรแกรมนี้กันก่อนดีกว่า...

ชอว์น แฟนนิงสมัยเรียนหนังสือระดับไฮสกูล ที่โรงเรียน Harwich High ที่ Cape Cod ได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาตัวยงของโรงเรียน เขาเล่นได้ดีทั้งเบสบอล และบาสเกตบอล แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้ครอบครองคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิต หลังจากนั้น เขาเริ่มห่างเหินจากสนามกีฬา สนใจการเรียนน้อยลง แฟนนิงทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไป ที่คอมพิวเตอร์

จนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วงปี 1998 เมื่อเขาเข้าเรียน ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น (Northeastern University) ซึ่งตั้งอยู่ ที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ชีวิตของเขาก็ถึงจุดเปลี่ยน...

วันหนึ่งแฟนนิงได้ยิน เพื่อนร่วมห้องในหอพักมหาวิทยาลัยบ่นถึงความยากลำบากในการค้นหาเพลงดีๆ ฟังฟรีจากอินเตอร์เน็ต นับแต่นั้น คำบ่นของ เพื่อนไม่เคยหลุดออกไปจากหัวสมอง แฟนนิงเลิกทำทุกอย่าง และทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการคิดหาวิธี ที่จะให้ได้ฟังเพลงดีๆ ฟรีจากอินเตอร์เน็ต เขาหอบหิ้วคอมพิวเตอร์ติดตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่ง แม้แต่เวลาไปดูกีฬา หรือไปกินพิซซ่า...

แฟนนิงมุ่งมั่นจนถึงขั้นตัดสินใจเลิกเรียนหนังสือ เขาไม่กลับไป ที่หอพักอีก โดยไม่ยอมบอกกล่าว เพื่อนแม้แต่คนเดียว ข้าวของก็ไม่ได้แวะไปเก็บ หลังจากนั้น เขาก็จะขลุกอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่สนใจเรื่องกินเรื่องอยู่ จนถึงขนาดเคยเป็นลมล้มคว่ำคาโต๊ะ

ขณะที่ทั้งแม่ และพ่อเลี้ยงก็โกรธ และโวยวายว่าแฟนนิงจะต้องเสียใจ ที่ตัดสินใจเช่นนี้ ข้างลูกชายก็บอกกับแม่ว่า เขามีภารกิจเร่งด่วน ที่ต้องทำ!

ประมาณกลางปี 1999 ไม่ถึงปีดีนัก นับตั้งแต่แฟนนิงเริ่มคิดค้นเรื่องนี้ เขาก็สามารถคิดโปรแกรม music file-sharing สำเร็จ โดยให้ชื่อว่าแนปสเตอร์ และหลังจากนั้น Napster Inc. ก็ได้ก่อรูปก่อร่างขึ้น โดยแฟนนิงมีหุ้นในแนปสเตอร์ 9 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้น เขาอายุแค่ 18 ปี...

แฟนนิงเล่าว่า ที่เขาสามารถสร้างสรรค์โปรแกรมนี้ขึ้นมาได้ เป็นเพราะความสนใจทางด้านคอมพิวเตอร์มากกว่าความสนใจในเสียงเพลง แม้ว่าเขาจะชอบเพลงแต่ก็ไม่เท่ากับความรู้สึก ที่เขามีต่อคอมพิวเตอร์ และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นก็คือ การที่คิดค้นอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วมีคนมารุมใช้กันเยอะแยะไปหมด

สำหรับชื่อแนปสเตอร์นี้ ได้มาจากชื่อเล่นของแฟนนิงสมัยเรียนไฮสกูล ที่ เพื่อนๆ ตั้งฉายาให้เพราะผม ที่หยิกขอดอย่างที่เรียกว่า nappy hair ของเขานั่นเอง แต่ยามนี้ยาก ที่ใครจะเห็นผมหยิกขอดของเขาเพราะนอกจากจะตัดผมสั้นเกรียนแล้ว เขายังสวมหมวกเบสบอลของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan University) เป็นประจำอีกด้วย

ทุกวันนี้ แฟนนิงได้กลายเป็นคนดังไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นดาราหรือนักกีฬาดัง เขาได้ขึ้นปกนิตยสารดังหลายเล่มด้วยกัน อาทิ ฟอร์จูน (Fortune) บิสซิเนสวีก (BusinessWeek) ฟอรบส์ (Forbes) และอินดัสตรีสแตนดาร์ด (Industry Standard) ประวัติความเป็นมาพร้อมหน้าตาของเขาก็ปรากฏแพร่หลายไปทั่ว แต่กระนั้น แฟนนิงก็ยังคงดำเนินชีวิตอย่างสมถะ เขาอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ขนาด 2 ห้องนอนกับ เพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่ง ในห้องพักมีโทรทัศน์มิตซูบิชิขนาดกว้าง 6 ฟุตอยู่ 1 เครื่อง บนโต๊ะกินข้าวจะมีกล่องใส่พิซซ่าเก่าวางทิ้งไว้ พร้อมกับกระป๋องโค้กเปล่า สำหรับเฟอร์นิเจอร์ในอพาร์ตเมนต์นี้ล้วนเป็นของ ที่เช่ามา พวกเขาไม่สนใจ ที่จะติดตั้งโทรศัพท์ เพราะว่าใช้โทรศัพท์มือถือก็สะดวกดีอยู่แล้ว

รูปร่างของแฟนนิงนั้น ออกจะล่ำต่างไปจากโปรแกรมเมอร์คนอื่นๆ เด็กหนุ่มผู้ให้กำเนิดแนปสเตอร์คนนี้ไม่นิยมอาหารพวกแป้ง และน้ำตาล และเขามักจะไป ที่โรงยิม เพื่อออกกำลังกายทุกเย็น ขณะที่บ่ายของบางวันอาจจะพบแฟนนิงไปเล่นบาสเกตบอล ที่สนามออราเคิล (oracle) ซึ่งไม่ห่างจากสำนักงานของแนปสเตอร์ ที่เรดวูด ซิตี้นัก เขาไม่ค่อยยอมรับในฝีมือของตัวเอง แต่ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขายืนยันว่า เขาเล่นบาสเกตบอลได้เยี่ยม...

ถ้าย้อนไปดูปูมหลังของแฟนนิงสมัยเรียนไฮสกูลคงไม่แปลกใจ

ผู้สื่อข่าวบางคนชมว่าแฟนนิงเป็นเด็กรู้คิด และพูดเก่งเมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสถานการณ์ก็เป็นได้โดยเฉพาะการที่เขาต้องเผชิญกับคดีความ ขณะเดียวกันก็มีเสียงแซวว่า ตั้งแต่ย้ายมาลงหลักปักฐานทำธุรกิจ ที่ลอสแอนเจลิส สำเนียงพูดของแฟนนิงจะไม่บอกเล่าเลยว่าเป็นคนบอสตัน แต่จะออกสำเนียงของคนแอล.เอ.เสียมากกว่า!

ข่าวแจ้งว่า แฟนนิงมีคนรักแล้วเป็นสาวน้อยวัย 19 ซึ่งเขาไม่ยอมบอกว่าเธอเป็นใคร แม้แต่ เพื่อนร่วมงานของเขาส่วนใหญ่ก็จะไม่รู้เรื่องของเธอผู้นี้ เขามั่นใจว่า เธอชอบเขาเพราะตัวเขาเองไม่ใช่เพราะแนปสเตอร์ เขาแย้มด้วยว่า เวลา ที่เขาอยู่กับเธอ... เธอทำให้เขาไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสื่อมวลชนหรือเกี่ยวกับแนปสเตอร์

อย่างไรก็ตาม หญิงคนรักก็ไม่ถึงกับทำให้เขาทิ้งความสนใจ ที่มีต่อคอมพิวเตอร์ได้อย่างสิ้นเชิง แฟนนิงแย้มว่าตอนนี้เขาเองก็มีเรื่องใหญ่เรื่องใหม่ให้คิด--โปรแกรมใหม่ ซึ่งเขายืนยันว่า...

งานนี้อาจใหญ่ว่าแนปสเตอร์!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us