|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พบบิ๊กล็อตหุ้นซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ 2 วัน กวาดหุ้นจำนวน 10.60 ล้านหุ้น ในราคาที่สูงกว่าราคาในกระดาน ผู้บริหารมึนไม่รู้เป็นออเดอร์ซื้อขายของใคร แต่สั่งจับตามองการซื้อขายอย่างใกล้ชิด ชี้ไม่หวั่นจะถูกเทคโอเวอร์เหตุมีหุ้นหมุนเวียนในตลาดเพียง 20%เท่านั้น หุ้นส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่าวานนี้ (19 ต.ค.) ได้มีรายการซื้อขายรายใหญ่หรือบิ๊กล็อตในหุ้นบริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP 2 รายการ จำนวน 4.6 ล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขาย 40.01 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 8.70 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 8.35 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 2.34% มูลค่าการซื้อขาย 22.47 ล้านบาท
นอกจากนี้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2549 ก็มีบิ๊กล็อตในหุ้นบริษัทซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำนวน 6 ล้านหุ้นมูลค่าการซื้อขาย 51.60 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 8.60 บาท ซึ่งเมื่อนำบิ๊กล็อต 2 วันมารวมกัน จะเป็นจำนวน 10.60 ล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขาย 91.61 ล้านบาท
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไม่ทราบว่ารายการบิ๊กล็อตดังกล่าวเป็นการซื้อขายของนักลงทุนกลุ่มใด ซึ่งก็ได้มีการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดมาตลอด และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ดูแลไปตรวจสอบเช่นกันว่าเป็นรายการซื้อขายของนักลงทุนกลุ่มใด แต่ก็เชื่อว่าการที่มีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายเป็นจำนวนมากเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่ามีความมั่นใจในธุรกิจของบริษัทเห็นได้จากราคาที่ตกลงซื้อขายนั้นสูงกว่าราคาหุ้นในกระดาน
อย่างไรก็ตามแม้จะมีนักลงทุนทยอยเข้ามาเก็บหุ้น แต่ก็ไม่กังวลว่าจะถูกเทคโอเวอร์หรือครอบงำกิจการ เพราะปัจจุบันนี้มีหุ้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 20% ซึ่งเป็นหุ้นที่นำออกมาเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปหรือไอพีโอ ช่วงที่บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเช่นตระกูลชัยสุพัฒน์ยังไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย แม้ว่าที่ผ่านมาจะหมดไซเรนพีเรียดไปแล้วบางส่วน ทำให้สามารถขายหุ้นได้ประมาณ 25% แต่ก็ไม่ได้มีการขายออกมาแต่อย่างใด
สำหรับกรณีที่จะดึงผู้ประกอบการเหล็กจากประเทศจีนเข้ามาถือหุ้นนั้น นายวีรศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปเพราะจะต้องศึกษารายละเอียดว่าจะให้เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด อย่างไรก็ตามมองว่าคงจะเข้ามาถือในสัดส่วนที่ไม่สูงมากนัก และคงจะไม่ได้เข้ามาบริหารแต่อย่างใด โดยจะเป็นการเข้ามาซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่ได้เข้ามาซื้อจากการเพิ่มทุนแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ถือหุ้นรายย่อยจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่การที่มีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาจะเกิดผลดีต่อบริษัทในแง่ของการขยายตลาดได้มากยิ่งขึ้น
|
|
|
|
|