|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศรีไทยแหวกม่านตลาดขายตรง ผนึกดับบลิวบีจีจากสิงคโปร์ ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยขายตรงเอ็มแอลเอ็ม ทั้งสกินแคร์ อาหารเสริม ของใช้ แค่รอ อย.ไฟเขียวสินค้าเมื่อใดลุยทันที คาดปีแรกรายได้ 100 ล้านบาท
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ศรีไทยได้รุกเข้าสู่ธุรกิจขายตรง โดยได้ตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า ศรีไทยดับบลิวบีจี จำกัด และได้แต่งตั้งให้นางสาวเฉลิมพันธ์ ศรีธนชัยโชติ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ซึ่งมาจากการรีครูทหาผู้บริหาร ซึ่งนางสาวเฉลิมพันธ์นี้ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจขายตรงมาอย่างดี ผ่านงานบริหารมาทั้งที่ เอวอน และ ยูสตาร์ เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนนี้ มีทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท โดยแบ่งการถือหุ้นออกเป็นบริษัทศรีไทยฯ และผู้บริหารของศรีไทยฯ รวมกว่า 60% และที่เหลือเป็นของดับบลิวบีจี (เวิลด์บิสซิเนสกรุ๊ป) จากประเทศสิงค์โปร์ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ถือหุ้นประมาณ 40%
บริษัทนี้จะดำเนินธุรกิจขายตรงระบบเอ็มแอลเอ็ม สินค้ามีหลากหลายทั้งที่ทานได้และเป็นของใช้เช่น คอสเมติกส์ สกินแคร์ อาหาเสริมต่างๆ และของใช้ เช่น เตียงนอนสุขภาพ เสื้อเชิ๊ตสุขภาพ เครื่องกรองน้ำ เป็นต้น โดยจะเป็นการนำเข้าสินค้ามาจากดับบลิวบีจีที่สิงคโปร์ ส่วนอนาคตอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะผลิตสินค้าบางตัวในไทย ซึ่งพันธมิตรสิงค์โปร์รายนี้มีการทำตลาดสินค้าในหลายประเทศแล้วเช่นที่ มาเลเ.ซีย ไต้หวัน และได้รับความนิยมอย่างดี จึงขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมความพร้อมในองค์กร ยังไม่ได้จำหน่ายสินค้าแต่อย่างใด โดยมีทีมขายประมาณ 200 กว่าคนที่เป็นเครือข่าย ซึ่งเป็นนักขายที่แยกออกมาต่างหากไม่เกี่ยวกับนักขายของศรีไทยซุปเปอร์แวร์แต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากทางอย.เกี่ยวกับตัวสินค้า ส่วนทางสคบ.ได้อนุมัติมาแล้วในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และคาดว่าหากเริ่มจำหน่ายสินค้าได้เมื่อใดจะสามารถทำยอดขายในปีแรกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
|
|
|
|
|