Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 ตุลาคม 2549
ริชมอนเด้ขู่รัฐโยกฐานทิ้งไทย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ริชมอนเด้

   
search resources

ริชมอนเด้ (บางกอก), บจก.
Alcohol




"สมาพันธ์เพื่อช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์แห่งชาติ" เดินหน้าไม่หยุดต้านคุมเข้มโฆษณาเหล้า ริชมอนเด้กร้าวใส่ภาครัฐ ขู่ย้ายฐานสู่ต่างประเทศ โวยโครงการใหญ่สะดุด พร้อมทั้งสูญ 100 ล้านถอดโฆษณาออก อ้างกระทบลูกโซ่หลายวงการกว่า 1 แสนล้านบาท สมาพันธ์ฯยันอีก 2 อาทิตย์ฟ้องศาลปกครอง ด้าน สธ.นัดคุยนอกรอบ “โฆสิต” และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอังคารหน้า ชี้มีแนวโน้มถอยจากการห้ามขายผู้มีอายุต่ำกว่า 25 ปีกลับไปเป็น 18 ปี

วานนี้ (18 ตุลาคม 49) สมาพันธ์เพื่อช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์แห่งชาติ (FACT) สมาคมภัตตาคารไทย และสมาคมการโรงแรมไทย และบริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ตัวแทนจากผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้จัดประชุมและมีมติแสดงจุดยืนต่อกรณีภาครัฐ ภายใต้กระทรวงสาธารณะสุข มีประกาศใช้พ.ร.บ.ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมงทุกกรณี รวมทั้งมาตรการต่างๆ อาทิ ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้วันที่ 5 ธันวาคม 2549 นี้

นายวรเทพ รางชัยกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตระกูลจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ตัวแทนบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และหนึ่งในสมาชิกสมาพันธ์เพื่อช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์แห่งชาติ (FACT) กล่าวว่า ในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทริชมอนเด้และผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายอื่นจะย้ายฐานการลงทุนไปในอินโดจีน อาทิ ลาว เขมร เวียดนาม

โดยเฉพาะแค่การลงทุนของริชมอนเด้กับพันธมิตรร้านค้า 1 สถานบันเทิง ช่องทางจำหน่ายต่างๆ รวม 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศ คิดเป็นเม็ดเงิน 2,000 ล้านบาท และงบการตลาดทุกแบรนด์รวมปีละ 600 ล้านบาท ซึ่งมองว่าการที่จะออกกฎหมายใดออกมา ภาครัฐควรพิจารณาถึงการสร้างบรรยายกาศการลงทุนในระยะยาวอย่างไรมากกว่า ในระยะยาวผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คงไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมอย่างแน่นอน ในส่วนของการจัดกิจกรรมสังคมโอกาสที่ยุติลงก็มี เพราะไม่มีการสร้างแบรนด์ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ส่วนการสนับสนุนสปอตมาร์เก็ตติ้ง บริษัทก็เตรียมพิจารณาโยกสนับสนุนประเทศเพื่อนบ้านแทน

ขณะนี้แผนการสปอตมาร์เก็ตติ้งในแคมเปญ"จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ คลาสสิก" ดึงนักกอล์ฟมืออาชีพระดับโลกเข้ามาแข่งขันที่ภูเก็ต ลงทุน 2,000 ล้านบาท คาดว่าเม็ดเงินจะไหลเข้าประเทศจากแคมเปญนี้ 7,000-8,000 ล้านบาท โดยแผนการโปรโมตแคมเปญจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน และเริ่มแคมเปญในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวปีที่ผ่านมาจัดขึ้นที่ประเทศจีน ภาครัฐจีนช่วยสนับสนุนเงิน 3 ล้านเหรียญ เพราะจีนต้องการเรียกนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ก็ได้รับผลกระทบ

ล่าสุดบริษัทต้องสูญเสียเม็ดเงิน 100 ล้านบาทแล้ว จากการผลิตภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง และเสียค่าเวลาจากทางสถานีโทรทัศน์ ยังไม่รวมไปถึงผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่จะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่จากหลากหลายธุรกิจรวมแล้วกว่า 1 แสนราย รวมถึงสาวเชียร์เบียร์ด้วย คิดมูลค่าแสนล้านบาท

**ตัวแทนเอกชนแสดง4จุดยืนแจงรัฐ**

นายวรเทพ กล่าวว่า แนวทางที่ต้องการให้ภาครัฐพิจารณา 4 ประการ 1. การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น 2. ภาคเอกชนและสมาพันธ์ฯต้องการร่วมมือกับภาครัฐกำหนดกรอบหรือวางแนวทางร่วมกัน 3. ภาคเอกชนพร้อมร่วมมือเต็มที่ โดยเสนอให้ภาคเอกชนควบคุมกันเอง โดยที่ภาครัฐไม่ต้องออกนโยบายบังคับ 4. ผู้ประกอบการพร้อมที่จะปฏิบัติ

นางวิมลวรรณ อุดมพร รองประธานฝ่ายสื่อสารนิเทศสัมพันธ์ บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ได้กล่าวถึงผลกระทบและจุดยืน 4 ประการ กรณีภาครัฐห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง ว่า 1. การห้ามสื่อสารในทุกกรณี เป็นการปิดกั้นจำกัดสิทธิ 2. การห้ามโฆษณาเท่ากับเป็นการปิดกั้นประชาชนขาดสิทธิการรับรู้ทั้งหมดทั้งในแง่ดีและไม่ดี ขณะที่พ.ร.บ.ที่ออกมาไม่ได้สร้างความเท่าเทียมการดำเนินธุรกิจ เช่น กรณี ยกเว้นสื่อจากต่างประเทศ ซึ่งมีผลทำให้ผู้ประกอบการหันไปโฆษณาจากต่างประเทศใกล้เคียง 3. พ.ร.บ.ที่ประกาศออกมาห้ามโฆษณาไม่มีความชัดเจนว่าผู้ประกอบการทำอะไรได้บ้าง และไม่ได้มีการเรียกผู้ประกอบการเข้าไปหารือ 4. การนำ WHO องค์กรอนามัยโลกมาเป็นแบบอย่างอ้างอิง ซึ่งที่ผ่านมาแสดงชัดเจนว่า ผลวิจัยต่างๆ ในแต่ละประเทศไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ต้องวิจัยในแต่ละประเทศ

"เมื่อผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการทำตลาด การสื่อสาร และการทำธุรกิจก็ไม่รู้ว่าจะต้องลงทุนทำไม เพราะเราไม่ใช่มูลธินิเพื่อการกุศล"

**ส.โรงแรม-อาหารชี้โพลงอุตฯท่องเที่ยวพัง**

นายศักรินทร์ ช่อไสว ผู้จัดการ สมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า อยากให้ภาครัฐทบทวนพ.ร.บ.ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง เพราะมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีมาตรการอีกหลายอย่างที่นำมาใช้ได้ เช่น การลงทุนด้านการศึกษาในระดับประถมหรือมัธยม อย่างไรก็ตามการที่ภาครัฐจะมีกฎหมายใดออกมา อยากให้ผู้ประกอบการเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

นางปววรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ผลจากการห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง จะทำให้ผู้ประกอบการอาหาร 2 แสนแห่งได้รับผลกระทบ สมาคมฯอยากให้ภาครัฐพิจารณาถึงกฎหมายใหม่

**ยื่นฟ้องศาล- สี่กระทรวง2 สัปดาห์นี้**

นายบุญช่วย ทองเจริญพูลพร เลขาธิการสมาพันธ์ช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์ แห่งชาติ กล่าวว่า ตามแผนทางสมาพันธ์ฯ จะยื่นหนังสือให้กับ 4 กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ทบทวนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้ารวมทั้งยื่นฟ้องต่อศาลปกครองใน ประเด็นของการจำกัดเสรีภาพในการสื่อสารโดยได้มอบหมายให้ตัวแทนทุกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมตัวเลขความเสียหายออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและตรวจสอบได้

สัปดาห์หน้าถกใหญ่

นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมหารือในรายละเอียดที่ทำเนียบรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งจะเชิญกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข ในการพิจารณาในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะมีแนวโน้มพิจารณาลดอายุเป็นห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้ผู้ที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี ก่อนจะนำเข้าที่ประชุมครม.อีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.นี้

ส่วนการขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น มีการเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดคุยกัน ความชัดเจนว่าจะขึ้นภาษีเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังคงเป็นผู้พิจารณาเสนออัตราภาษีที่เหมาะสม สำหรับการยกเว้นการถ่ายถอดสดรายการกีฬาจากต่างประเทศในคำสั่งจะมีการพิจารณาโดยระเอียดอีกครั้ง ส่วนกรณีน้ำดื่มที่มีโลโก้หากมีความชัดเจนว่าเป็นเครื่องดื่มเบียร์ หรือ น้ำก็คงไม่ห้ามหรือเข้าไปก้าวล่วงจนทำให้เกิดปัญหา

นพ.ธวัชกล่าวด้วยว่า การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเพียงมาตรการหนึ่งในแก้ไขปัญหา จากหลายๆ มาตรการซึ่งพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครอบคลุมทั้งหมดในทุกๆ ด้าน ผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือ ส่วนประเด็นการที่สมาพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เตรียมฟ้องศาลปกครองนั้นไม่ขอแสดงความคิดเห็น

นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการคุยกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รมว.คลัง ในเรื่องของการปรับเพดานภาษีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยืนยันว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้ถูกตีกลับอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่เป็นการนำกลับมาพิจารณาในเรื่องอายุเพิ่มเติม

นายประเวศ อรรถศุภผล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่นายบุญช่วย ทองเจริญพูลพรจากกลุ่มธุรกิจสุรา อ้างว่าคำสั่งห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลือกปฏิบัติ เพราะยกเว้นการถ่ายทอดสดกีฬาจากต่างประเทศ และจะฟ้องศาลปกครองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติหรือออกคำสั่งแบบสองมาตรฐาน เนื่องจากการเลือกปฏิบัติหมายถึง เรื่องเดียวกันแต่กฎหมายให้ปฏิบัติต่างกัน ซึ่งไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปฏิบัติต่อผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่าเทียมกัน ไม่ได้ยกเว้นให้เจ้าใดเจ้าหนึ่ง ถ่ายทอดสดกีฬาจากต่างประเทศมาได้ แล้วห้ามไม่ให้เจ้าอื่นทำ

นายประเวศ กล่าวด้วยว่า นายสมชาย หอมละออ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ยืนยันว่า เรื่องนี้โดยหลักของกฎหมายไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ เพราะผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกบริษัท มีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะไปเป็นผู้สนับสนุนการถ่ายทอดสดกีฬาจากต่างประเทศ โดยการถ่ายทอดสดนั้น ไม่อาจระบุให้อยู่ในกฎหมายห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เนื่องจากกฎหมายต้องยึดหลักการไม่เลือกปฏิบัติ และสามารถปฏิบัติได้จริง หากมีการฟ้องศาลปกครอง ก็เชื่อตามหลักกฎหมายว่าน่าจะยกฟ้อง

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ข้อปฏิบัติใดที่ยังมีข้อถกเถียง เช่นเรื่องของอายุผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สามารถปรับลดให้เหมาะสม แต่หัวใจคือเรื่องการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ไม่มีประเด็นใดให้โต้แย้งอีกแล้ว เพราะงานวิชาการยืนยันว่า โฆษณามีผลต่อการดื่มโดยเฉพาะเยาวชน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us