|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ThaiBMA ฟุ้งปี 50 ปีทองตลาดตราสารหนี้ คาดมูลค่าออกบอนด์เพิ่มขึ้น 20% จากปีนี้คาดว่าทั้งปีอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท หลังปัจจัยการเมืองชัดเจนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม ดอกเบี้ยลดลง หนุนการเทรดคึกคักกว่า 2.5หมื่นล้านบาทต่อวัน จากปีนี้อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเสนอให้แก้กฎหมายออกออกบอนด์ของภาครัฐหวังเพิ่มสภาพคล่อง
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า คาดว่าปริมาณการออกตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนในปี2550 จะเพิ่มขึ้น 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.2 ล้านบาทบาท เนื่องจากปัจจัยการเมืองมีความชัดเจนขึ้น ทำให้มีการใช้จ่ายภาครัฐดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศคาดเติบโตในระดับ 5-5.5% จากปีนี้ที่ 4.2-4.5% จึงต้องมีการระดมทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนซึ่งวิธีการระดมทุนทุนส่วนหนึ่งก็จะเป็นการออกตราสารหนี้
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง ประชาชนเหลือเงินมากขึ้นก็สามารถเข้ามาซื้อขายตราสารหนี้มากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปีหน้านั้นจะส่งผลให้นักลงทุนนำตราสารหนี้ออกมาซื้อขายมากขึ้น โดยคากว่าปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ล้านบาทต่อวัน จากปีนี้ที่มีปริมาณการซื้อขาย 22,000 ล้านบาทต่อวัน
“ปีหน้าถือว่าเป็นปีทองของตลาดตราสารหนี้จากการเมืองมีความชัดเจนทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐดีขึ้นและส่งผลให้เศรษฐกิจรวมมีการเติบโตมากขึ้น โดยปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะปรับตัวลดลงทำให้นักลงทุนนำตราสารหนี้ออกมาขายมากขึ้น โดยผู้ที่ออกตราสารมากคือภาครัฐที่คาดว่าจะออกอีก 1-1.5ล้านล้านบาทจากที่ตราสารหนี้ที่ออกในปีนี้จะครบอายุ”นายณัฐพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้คณะกรรมการตลาดตราสารหนี้ จะมีการประชุมเพื่อเสนอให้ทางบอร์ดมีการพิจารณาในเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) เป็นรายปีจากผู้ประกอบการที่ออกตราสารหนี้เพื่อลดภาระการดำเนินงานของทางตลาดตราสารหนี้ โดยผู้ออกB/Eจะต้องมีการแจ้งให้ทางตลาดตราสารหนี้ทราบล่วงหน้าว่าทั้งปีจะมีการออกเท่าไร
นายณัฐพล กล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้จะมีการหารือว่าจะทำอย่างไรให้ทางบริษัทหลักทรัพย์ หันมาเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมตราสารหนี้มากขึ้น จากขณะนี้ที่มีการทำธุรกรรมดังกล่าวน้อยมาก เพราะบริษัทหลักทรัพย์ยังไม่มีความจำเป็นในการทำธุรกรรมดังกล่าวเพื่อเพิ่มรายได้ ประกอบกับสภาพคล่องในตลาดสารหนี้มีน้อยทำให้ได้รับผลตอบแทนที่น้อย
นอกจากนี้จะมีการหารือในเรื่องการเสนอให้มีการแก้กฎหมายในเรื่องการออกตราสารหนี้ของภาครัฐให้สามารถออกตราสารหนี้ได้ในช่วงที่ดุลบัญชีเดินสะพันเกินดุล จากที่ขณะนี้กฎหมายระบุว่าภาครัฐจะสามารถออกตราสารหนี้ได้ในช่วงที่มีการขาดดุลเดินสะพัดเท่านั้น ซึ่งหากมีการแก้กฎหมายดังกล่าวก็จะช่วยทำให้สภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้มากขึ้นและเป็นการแก้ปัญหาตรงจุด และการที่จะผลักดันทำให้ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้คิดเป็น 80% ของGDP นั้นจะต้องมีกาแก้กฎหมายดังกล่าว
“การที่จะผลักดันให้ตลาดตราสารหนี้มีการซื้อขายคิดเป็น 80% ของGDP ดังนั้นในแต่ละปีจะต้องมีการเติบโตของการออกตราสารหนี้ปีละ 15% ซึ่งการที่จะทำได้นั้นจะต้องมีการแก้กฎหมายให้ภาครัฐสามารถออกบอนด์ได้แม้จะยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ”นายณัฐพลกล่าว
|
|
|
|
|