LANNA การปรับโครงสร้างลงทุนในบริษัทย่อยต่างประเทศ โดย LANNA (SINGAPORE) ที่บริษัทถือหุ้น 100% จะขาย หุ้นสามัญของ PT.LANNA HARITA INDONESIA (LHI) และ PT. CITRA HARITA MINERAL (CHM) ที่ถืออยู่ทั้งหมดให้ LANNA และภายหลังจากโอนหุ้นสามัญแล้ว LS จะลดทุนจดทะเบียนและทุนที่เรียกชำระแล้วเพื่อคืนทุนให้ LANNA ส่งผลให้ LANNA ได้ประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินปันผลที่จะได้รับในอนาคตจาก LHI และ CHM ในประเทศไทย พร้อมแจ้งจ่ายปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 25 สตางค์ โดยกำหนดจ่าย 15 พฤศจิกายนนี้
นายอนันต์ เล้าหเรณู กรรมการบริหาร บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (LANNA) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ในการประชุมครั้งที่ 6/2549 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2549 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างการลงทุนในบริษัทย่อยต่างประเทศตามแผนผังแสดงการปรับโครงสร้างการลงทุน โดยคาดว่าจะเกิดรายการภายในปี 2549 หลังจากได้รับอนุมัติจากรัฐบาลแห่งประเทศอินโดนีเซียให้ LANNA (SINGPORE) PTE. LTD (LS) โอนขายหุ้นสามัญ PT.LANNA HARITA INDONESIA (LHI) และ PT. CITRA HARITA MINERAL (CHM) ที่ LS ถืออยู่ทั้งหมดให้ LANNA แล้ว
โดย LANNA (SINGAPORE) PTE. LTD.(LS) ประเทศสิงคโปร์ จะขายหุ้นในบริษัททั้งสองที่กล่าวมานั้น ให้กับ LANNA ซึ่งมีความสัมพันธ์กันคือ LANNA ถือหุ้นใน LS จำนวน 16.40 ล้านหุ้นมูลค่าหุ้นละ 1 เหรียญสิงคโปร์เป็นเงิน 16.40 ล้านเหรียญสิงคโปร์ คิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนที่ชำระแล้วโดย LANNA ได้ส่งกรรมการ LANNA เข้าไปดำรงตำแหน่งกรรมการ LS จำนวน 4 คน จึงทำให้ LANNA และ LS มีกรรมการร่วมกัน 4 คน คือนายไกรสีห์ ศิริรังษี,นายสุโรจน์ ศุภสวัสดิ์กุล, นายพิลาศ พันธโกศล และนายอนันต์ เล้าหเรณู
สำหรับ รายละเอียดของการทำรายการนั้น LS โอนขายหุ้นสามัญ LHI และ CHM ที่ LS ถืออยู่ทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 55 ของทุนที่ชำระแล้วของแต่ละบริษัทให้ LANNA โดยขายในราคาตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (PAR VALUE)เป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 167,695,000บาท
ทั้งนี้ LS โอนขายหุ้นสามัญ LHI ที่ LS ถืออยู่ทั้งหมด 4,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 55 ของทุนที่ชำระแล้วของ LHI โดยขายให้ LANNA ในราคาตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (PAR VALUE) หุ้นละ 1,000เหรียญสหรัฐอเมริกา เป็นเงินทั้งสิ้น 4,400,000 เหรียญสหรัฐอเมริกาหรือคิดเป็นเงินประมาณ 165,440,000 บาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐอเมริกาเท่ากับ 37.60 บาท)
นอกจากนี้ LS โอนขายหุ้นสามัญ CHM ที่ LS ถืออยู่ทั้งหมด 550 หุ้นคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 55 ของทุนที่ชำระแล้วของ CHM โดยขายให้ LANNA ในราคาตามมูลค่าหุ้นที่ตราไว้(PAR VALUE)หุ้นละ 1,000,000 รูเปียะห์อินโดนีเซีย เป็นเงินทั้งสิ้น 550,000,000 รูเปียะห์อินโดนีเซีย หรือคิดเป็นเงินประมาณ 2,255,000 บาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญรูเปียะห์อินโดนีเซียเท่ากับ 0.0041 บาท)
หลังจาก LS โอนขายหุ้นสามัญ LHI และ CHM ให้ LANNAแล้ว LS จะลดทุนจดทะเบียนและทุนที่เรียกชำระแล้วเพื่อคืนทุนให้ LANNA ดังนี้ คือ LS จะลดทุนจดทะเบียนจากเดิมหุ้นสามัญจำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 เหรียญสิงคโปร์เป็นเงิน 30 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 711 ล้านบาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสิงคโปร์เท่ากับ 23.70 บาท) ลดลงเหลือหุ้นสามัญ 9 ล้านหุ้นมูลค่าหุ้นละ 1 เหรียญสิงคโปร์เป็นเงิน 9 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 213.30 ล้านบาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสิงคโปร์เท่ากับ 23.70 บาท)
ขณะที่ LS จะลดทุนที่เรียกชำระแล้วจากเดิมหุ้นสามัญ 16.40 ล้านหุ้นมูลค่าหุ้นละ 1 เหรียญสิงคโปร์เป็นเงิน 16.40 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 388.68 ล้านบาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสิงคโปร์เท่ากับ 23.70 บาท) ลดลงเหลือหุ้นสามัญ 9 ล้านหุ้นมูลค่าหุ้นละ 1 เหรียญสิงคโปร์เป็นเงิน 9 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 213.30 ล้านบาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสิงคโปร์เท่ากับ 23.70 บาท)
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับนั้น คือ LANNA จะได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินปันผลที่จะได้รับในอนาคตจาก LHI และ CHM ในประเทศไทย ทั้งนี้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 442)พ.ศ.2548 และรายการดังกล่าวเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน แต่ได้รับการยกเว้นตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีขนาดรายการเท่ากับร้อยละ 13.39 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิตามงบการเงินรวมที่สอบทานแล้วฉบับล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549
พร้อมกันนี้ LANNA ยังแจ้งอีกว่า บริษัทจะจัดสรรเงินกำไรจากการดำเนินงานในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท จำนวน 350 ล้านหุ้น เป็นเงิน 87.50 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินปันผลที่ได้รับตามประมวลรัษฎากร
กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลครั้งนี้ในวันที่ 31 ตุลาคม 2549 เวลา 12.00 น. และให้จ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549
|