ผู้จัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 15 ยืนยันทำยอดขายได้ตามเป้า 3,000 ล้านบาท แจงความต้องการของลูกค้ากระจายครอบคลุมทุกตลาด ชี้บ้านเดี่ยวยังมาแรงกว่า 39.9% ทั้งที่ต้องการอยู่ใจกลางเมือง ตามแนวรถไฟฟ้า และพื้นที่รอบสนามบินสุวรรณภูมิ
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า ผลจากการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 15 ที่ผ่านมา ถือเป็นดัชนีชี้วัดความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในตลาดได้เป็นอย่างดี รวมถึงประชาชนมีความมั่นใจทางการเมืองมากยิ่งขึ้น ประกอบกับปัจจัยลบต่างๆ เช่น ราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย ไม่ได้ก่อผลกระทบในขณะนี้ ทำให้แนวโน้มที่ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะปรับราคาขึ้น คงยืดออกไประยะหนึ่ง
นายภราดร วิทยะสิรินันท์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านฯ กล่าวถึงตัวเลขการขายในงานว่า คือดำเนินการได้ตามเป้าที่วางไว้ 3,000 ล้านบาท มีจำนวนผู้เข้าชมงานมากถึง 1 แสนคน และมีลูกค้าที่เข้ามาเดินชมงานได้เข้ามาใช้บริการตรวจสอบเครดิตบูโรสูงถึง 900 ราย แสดงว่า กลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีความต้องการซื้อจริง
ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดงานฯได้มีการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าที่เข้าชมงาน แยกเป็น กลุ่มพนักงานบริษัท 50% ,เจ้าของกิจการ 18.94%, กลุ่มข้าราชการ 9% ,กลุ่มผู้บริหาร 5.52% สำหรับประเภทที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการในการตัดสินใจซื้อ แบ่งออกเป็น บ้านเดี่ยว 39.9% ,ทาวน์เฮาส์ 22.2% ,คอนโดมิเนียม 21.51% ,อาคารพาณิชย์ 6.02% ,บ้านแฝด 5.69% ,ที่ดินเปล่า 4.63% และอื่นๆ 0.22%
สำหรับระดับราคาที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการในตลาดพบว่า ที่อยู่อาศัยระดับราคา 0.5-1 ล้านบาท ประมาณ 15.92% ,ระดับราคา 1-1.5 ล้านบาท 19.02% ,ระดับราคา 1.5-2 ล้านบาท 18.04% ,ราคา2-3 ล้านบาท 18.06% ,ราคา3-4 ล้านบาท 8.55% , ราคา4-5 ล้านบาท 5.24% ,ราคา5-7 ล้านบาท 3.74% และราคา7 ล้านบาทขึ้นไป 2.07%
โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้าชมงานนั้น แบ่งออกเป็นกลุ่มที่เข้ามาเก็บข้อมูลบ้าน 33% ,ต้องการซื้อบ้านในงาน 32.7% ,ศึกษาทำเล 21.5% และต้องการเปรียบเทียบโครงการ 12.35% ซึ่งในกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีระยะเวลาการตัดสินใจซื้อภายในระยะ2 ปี
ส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่มีความต้องการมากที่สุด คือ กลุ่มที่อยู่อาศัยในทำเลกลางเมือง และติดระบบรถไฟฟ้า และทำเลในพื้นที่รอบสนามบินสุวรรณภูมิ อาทิ กิ่งแก้ว ,อ่อนนุช
สำหรับรายได้ของผู้เข้าชมงานดังกล่าวแบ่งออกเป็น กลุ่มที่มีรายได้ 30,000-50,000 บาทต่อเดือน 20% และข้างเคียงคือกลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า30,000 บาทต่อเดือน และสูงกว่า 50,000 บาทต่อเดือนมีประมาณ 75% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มอื่นๆ 5%
|