ครั้งแรกที่มีโอกาสมาเยือน Cincinnati ณ มลรัฐ Ohio ที่อยู่ในภาค Midwest
ของอเมริกา...รู้สึกประทับใจในภาพของตึกสูงที่กระจุกตัวอยู่ริมสายน้ำ Ohio
กับตึกรามบ้านช่องร่วมสมัยที่สร้างทับซ้อนกันบนหน้าเขาสูงชัน ราวกับภาพเขียนต่างมิติ...
Cincinnati หรือที่ชาวอเมริกันรุ่นเก่ารู้จักกันในนาม "ราชินีแห่งตะวันตก"
ได้ชื่อเล่น นี้มาจากบทกวีที่เขียนโดย Henry Wadsworth Longfellow ที่บรรยายเมือง
Cincinnati ขณะนั่งจิบไวน์อยู่ริมแม่น้ำ Ohio ว่า เป็นเมืองที่ช่าง น่าอยู่กระไร
มีธรรมชาติทั้งสายน้ำไหลผ่านและ ขุนเขาโอบล้อม เป็นภาพที่ช่างแสนสวยงาม...
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเรียกว่า "ราชินีแห่งตะวันตก" ที่มาคือว่า มิสเตอร์เฮนรี่เขียนบทกวีนี้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน
ซึ่งตอนนั้นแกเดินทางมาไกลสุดทางตะวันตกของอเมริกาถึงแค่เมืองนี้เป็นเมืองแรก
จึงบรรยายให้ Cincinnati เป็น "ราชินีแห่งตะวันตก" หลังจากนั้นไม่นานมีเรื่องเล่าต่อกันว่า
แกเดินทางต่อไปทางตะวันตก และค้นพบเมือง Denver แห่งมลรัฐ Colorado แกก็พรรณนาเมือง
Denver ด้วยบทกวีเดียวกันนี้...
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน Cincinnati ยังคงเป็นเมืองเสน่ห์ที่ผู้คนยังคงให้นิยามว่าเป็น
"The Queen City" และถือเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของมลรัฐ Ohio ตั้งอยู่ทางมุมตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐซึ่งติดกับตอนเหนือสุดของรัฐเคนตักกี้
โดยมีแม่น้ำ Ohio ไหลคั่นระหว่างสองรัฐนี้...
มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ดาวน์ทาวน์ Cincinnati สร้างอยู่บนหุบเขาถึง 7
หุบเขาเหมือนกับกรุงโรมในอิตาลี...หากความเป็นจริงแล้วเมือง Cincinnati ทั้งเมืองประกอบด้วยชุมชนทั้งหมด
15 "Hill" และใน 15 ฮิลนี้ยังมีชุมชนที่อยู่บนยอดสูงอีก 9 "Mount" โดยแต่ละ
ฮิลและแต่ละเมาท์มีความแตกต่างกันไป เช่นที่อินเดียนฮิลจะเป็นย่านคนกระเป๋าหนัก
อสังหา ริมทรัพย์ที่นี่ขึ้นชื่อว่าแพง บ้านหลังเดี่ยวที่นี่ราคา 6-7 หลักขึ้นไป
(ดอลลาร์สหรัฐ)
ส่วนเมาท์ที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะเป็นที่เมาท์อดัมส์ เป็นย่านอาสซี่
(Artsy) แหล่งรวมศิลปินแตกต่างสาขา อย่างเช่น Eric Clapton ซูเปอร์ร็อกสตาร์ชาวอังกฤษที่ปัจจุบันถอยห่างวงการมายามาพำนักอยู่กับภรรยาสาวชาว
Cincinnati โดยซื้อบ้านต่อจาก Vidal Sassoon ราชาผลิตภัณฑ์เพื่อผมสวย ยี่ห้อเหมือนชื่อเขาที่เคยโด่งดังครั้งหนึ่งในบ้านเรา
และยังคงเป็นหนึ่ง ในผลิตภัณฑ์หลักของ Procter & Gamble หรือ P&G
ที่เรารู้จักกันดี...
ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เมาท์อดัมส์ก็ไม่น้อยหน้าที่อินเดียนฮิล ต่างกันที่ตึกรามบ้านช่อง
ในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม อาคารสำเร็จรูป ขนาดของห้องพอๆ กับห้องพักเล็กๆ
แคบๆ ในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก...
วันหนึ่งขับรถขึ้นไปบนเมาท์อดัมส์ เห็นตึกเก่าคูหาเดียวกำลังปรับปรุงติดป้ายขายราคาเหยียบล้าน
(ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ใช่ล้านบาท) แทบไม่เชื่อตาตัวเอง ต้องเหลียวมองอีกทีให้แน่ใจ
แต่หากพิจารณาในแง่ของความคุ้มค่าราคา สิ่งที่คนเหล่านี้ได้รับคือ "ทัศนียภาพ"
ที่หาค่าไม่ได้ ลองหลับตานึกภาพของวิวนอกหน้าต่างที่มองออกไปเห็นท้องฟ้าแผ่นกว้าง
เบื้องล่างมีสายน้ำและแสงสีของความมีชีวิตชีวายามค่ำคืนหรือความสงบสวยในยามฟ้าสว่าง...
ส่วนในตัวเมืองดาวน์ทาวน์ Cincinnati เองมีอาคารที่พักอาศัยเพียงแค่ 2,000
กว่ายูนิตเท่านั้น ซึ่งมีตั้งแต่แฟลต อพาร์ตเมนต์ ทาวน์เฮาส์ไปถึงคอนโดมิเนียมระดับหรู
และแน่นอนค่าครองชีพและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่นี่สูงลิบ จึงไม่เป็นที่แปลกใจที่หลายคนมีบ้านพักอาศัยอยู่
ตามชานเมือง หรือแม้กระทั่งเลือกตั้งรกรากอยู่ในฝั่งเคนตักกี้ตอนเหนือแล้วขับรถข้ามแม่น้ำมาประกอบธุรกิจในเมือง
Cincinnati เนื่องจากค่าครองชีพแตกต่างกันลิบแค่ข้ามสะพานเพียงไม่กี่นาที...การเดินทางไปมาสะดวกสบายด้วยรถยนต์ส่วนตัว
ใช้เวลา 15-30 นาที เท่านั้น
นอกจากนี้ดาวน์ทาวน์ Cincinnati ยังเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท
Procter & Gamble หรือ P&G ที่เอ่ยถึงแล้วในตอนต้น ตึกแฝด P&G
นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญ เมื่อเอ่ยถึง Cincinnati หลายคนที่นี่ยังคงภูมิใจในชื่อของ
P & G ที่นิตยสารฟอร์จูนโหวตให้เป็น บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด
ด้วยเหตุที่บริษัท มีผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดีและมั่นคงที่สุดในอเมริกา
ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของที่นี่ได้รายงานข่าวพนักงานที่เกษียณอายุจากบริษัทนี้กลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน
($) ไปตามๆ กัน
ทั้งนี้ P&G ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1837 โดยสองพี่เขยน้องเขย William
Procter และ James Gamble ถือเป็นบริษัทอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองที่เริ่มธุรกิจจากการผลิตเทียนและสบู่
ปัจจุบันครอบคลุมไปถึงธุรกิจอาหาร เช่น มันฝรั่ง Pringles ที่เรารู้จักกันดี
เมื่อมาถึง Cincinnati ไม่ต้องกังวลว่าจะหาอาหารไทยรับประทานไม่ได้ Cincinnati
ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีร้านอาหารไทยมากที่สุดเมืองหนึ่งในดาวน์ทาวน์ Cincinnati
เองมีร้านอาหารไทยประมาณ 3 ร้าน นอกนั้นยังมีที่กระจายอยู่ตามย่านและเมาท์ต่างๆ
อีกประมาณ กว่า 10 ร้าน เช่น ที่เมาท์อดัมส์มีร้าน Teak เป็นร้านอาหารไทยที่เก่าแก่มีชื่อมาช้านาน
ส่วนที่เมาท์เอาท์ลุคซึ่งถือเป็นย่าน Yuppie สำคัญมีร้านไทยเปิดใหม่ชื่อ
Ruthai's Thai Kitchen นอกจากนั้น Hyde Park ศูนย์รวมชาว Yuppie ซึ่งอยู่ชานเมือง
Cincinnati มีร้านไทยถึงสองร้าน ชื่อ Bangkok Bistro และ Lemon Grass...เรียกได้ว่าธุรกิจอาหารไทยที่นี่รุ่งไม่แพ้เมืองใหญ่อื่นในอเมริกา
โดยเฉพาะหากเทียบความใหญ่ของเมืองแล้ว Cincinnati รวมกับเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้สุดของ
Ohio ผนวก กับเมืองทางตอนเหนือสุดของ Kentucky และบางส่วนทางสุดตะวันออกเฉียงใต้ของ
Indiana ทั้งหมดนี้รวมเรียกว่า "Greater Cincinnati" ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ
23 ของอเมริกา โดยมีประชากรเพียง 1.8 ล้านคนเท่านั้น
สถานที่น่าเที่ยวแห่งหนึ่ง ณ Cincinnati ดูเหมือนจะหนีไม่พ้น Cincinnati
Zoo ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ในอเมริกา โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี
ค.ศ.1875 สวนสัตว์แห่งนี้มีชื่อเสียงระดับโลกว่าเป็นแหล่งรวมสัตว์ป่าหายากที่เกือบจะสูญพันธุ์จากทั่วมุมโลก
เช่น จากเอเชียและแอฟริกา เป็นต้น
ที่นี่ยังรวบรวมแมวพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ พร้อมสร้างบ้านแมวใหญ่โตมูลค่าถึง
1.8 ล้านเหรียญฯ นอกจากสัตว์แล้ว สวนสัตว์แห่งนี้ยังมีศูนย์พันธุ์ไม้ที่มีพันธุ์ไม้ถึง
1,200 สปีชี่ส์จากที่ต่างๆ ไว้ให้เยี่ยมชมตลอดทั้งปี
หากใครที่ชอบความเย็น เตรียมโอเวอร์ โค้ตตัวหนาแล้วมาเยี่ยมชมสวนสัตว์แห่งนี้ในช่วงคริสต์มาส
ซึ่งมีการประดับไฟและเปิดให้ชม หลังพระอาทิตย์ตกดิน ในช่วงหน้าหนาว สี่โมงเย็นที่นี่จะให้ความรู้สึกราวกับสามทุ่ม...
ทัศนียภาพน่าชม ณ Cincinnati มีให้เห็นตลอดทั้งวันทั้งคืน...ณ จุดชมวิวบน
Eden Park สวนหย่อมขนาดใหญ่อยู่ใกล้กับเมาท์อดัมส์ จะมองเห็นวิวสองฝั่งแม่น้ำอันสวยงาม
โดยเฉพาะ...สะพาน...ประติมากรรมหนึ่งที่น่าทึ่งอย่าง หนึ่งของที่นี่
หากยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจะต้องเห็นสะพานใหญ่อย่างน้อย 5 สะพานในระทางไม่ถึง
2 กิโลเมตร สะพานที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุด คือ สะพานแขวน Roebling
เป็นที่สร้างขึ้นเป็นสะพานแรก เพื่อเชื่อมฝั่งดาวน์ทาวน์ Cincinnati กับ
Covington ในฝั่ง Kentucky โดยมีอายุถึง 137 ปี แต่ยังคงใช้การได้อย่างดีเยี่ยม
สะพานนี้ออกแบบโดย John A. Roebling คนเดียวกันกับที่ออกแบบสะพานแขวน Brooklyn
แห่งมหานครนิวยอร์ก...หากใครยังจำฉากที่ Dustin Hoffman และ Tom Cruise เดินข้ามสะพานในหนัง
Rain Man เมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ ก็คงจะคุ้นเคยกับภาพของสะพานนี้...
นอกจากนั้นยังมีสะพาน Daniel Beard ซึ่งมีลักษณะโค้งเกือบครึ่งวงกลม โดดเด่นด้วยสีเหลืองสดใส
จนคนที่นี่ตั้งชื่อให้ว่าสะพาน "Big Mac" เพราะมีลักษณะคล้ายกับสัญลักษณ์ของแมคโดนัลด์...
...สายน้ำ Ohio ไม่เคยหยุดไหล... Cincinnati ยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง...ยังคงเป็น
"The Queen City" เสน่ห์แห่ง Midwest ของอเมริกา