|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ยุทธการเปิดศึกระหว่างสายการบินต้นทุนต่ำเริ่มร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง หลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในเชิงพาณิชย์ได้ไม่นานส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินไม่น้อย ทั้งในแง่ของจำนวนผู้โดยสารลดลงและต้นทุนของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการปรับตัวของแต่ละสายการบินเพื่อต่อสู้กับวิกฤติจึงเป็นช่วงจังหวะชนิดที่ใครดีใครได้
การเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ทางการตลาดของสายการบินเริ่มมีให้เห็นกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเที่ยวบินไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่คาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเป็นจำนวนมาก อาทิ จังหวัดกระบี่ ที่ล่าสุดมีสายการบินทั้งในและต่างประเทศเดินทางเข้าไปถึง 8 สายการบิน
อุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานกรรมการสายการบินวันทูโก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นับจากนี้วันทูโกจะมุ่งกลยุทธ์สู่ความเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำหรือโลว์คอสท์แอร์ไลน์ ซึ่งจากเดิมที่เคยวางตัวเองไว้ที่โลว์แฟร์แอร์ไลน์ ที่ทำให้ปัจจุบันต้องการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารจาก 1 ล้านคนในปีนี้ เป็น 3 ล้านคนในปีหน้า
ทำไมเขาจึงคิดอย่างนั้น?และจะสามารถทำได้จริงหรือ?...นี่อาจจะไม่ใช่แค่คำโฆษณาแต่เป้าหมายที่แท้จริงของ อุดม ต้องการที่จะสร้างอิมเมจของแบรนด์ให้มีความชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง
ล่าสุดได้ปรับแผนธุรกิจใหม่จากเดิม ดำเนินการโดยมีสายการบินหลักคือ โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ ดำเนินธุรกิจต่างประเทศ และมีสายการบินวันทูโก บาย โอเรียนท์ไทย ดำเนินธุรกิจในประเทศ ซึ่งนับจากนี้เป็นต้นไปการแยกวัน ทูโก จะออกจากโอเรียนท์ไทยอย่างชัดเจน
ว่ากันว่าอุดมต้องการมุ่งให้วันทูโกเป็นสายการบินหลักในการแข่งขัน ซึ่งจะทำการบินทั้งในและต่างประเทศในระยะใกล้ๆ เช่น มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย ส่วนโอเรียนท์ไทยจะเป็นเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีและฮ่องกง
ขณะเดียวกันการแข่งขันกับโลว์คอสท์แอร์ไลน์ในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็น ไทเกอร์แอร์ เจ็ทสตาร์แอร์เวย์ส และแอร์เอเชีย ที่มีอยู่ทำให้วันทูโกจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มจำนวนความถี่ของไฟต์บินเข้ามาแข่งขันแน่นอนเครื่องบินคือตัวแปรที่จะทำให้กลยุทธ์แบบนี้สำเร็จ ล่าสุด อุดมบอกว่าบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มเครื่องบินจาก 4 ลำ เป็น 8 ลำในสิ้นปี และเพิ่มเป็น 15 ลำในปีหน้า โดยเป็นการเช่า ขณะที่จำนวนเที่ยวบินจะเพิ่มจาก 24 เที่ยวในปีนี้ เป็น 36 เที่ยวในสิ้นปี และ 60 เที่ยวในปีหน้า
"หลังจากเราแยกวันทูโกออกมาจากโอเรียนท์ไทยแล้ว จะทำให้การเพิ่มเที่ยวบินทำได้ง่ายขึ้น จากนี้เราจะมุ่งกลยุทธ์เชิงรุกและแข่งขันทุกรูปแบบ" อุดมกล่าว
การออกมาปรับแผนยุทธศาสตร์การบินของวันทูโกอย่างชัดเจนครั้งนี้ ว่ากันว่าอุดมวางแผนที่จะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้านั่นเอง
พร้อมเปิดเส้นทางทำกำไร
การปรับปรุงสนามบินกระบี่ให้เป็นอินเตอร์เนชั่นแนลส่งผลให้ เส้นทางกรุงเทพฯ-กระบี่ ถูกจับตามองจากผู้ประกอบการธุรกิจการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ กอปรกับจังหวัดท่องเที่ยวหลักในประเทศก็มีการจราจรคับคั่งไปด้วยสายการบินจำนวนมาก
เกือบ 2 ปี หลังเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ การฟื้นฟูเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ด้านโรงแรมที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกบนเกาะมีความคืบหน้าตามลำดับ ปัจจุบันมีจำนวนห้องพักเปิดให้บริการได้จำนวน 1,800 ห้อง จากเดิมที่มี 2,200 ห้องก่อนหน้าเหตุการณ์สึนามิ ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบันอยู่ที่ ร้อยละ 80- 90 ส่วนใหญ่เป็นตลาดอังกฤษ อิสราเอล และออสเตรเลีย
ในขณะที่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว หรือ ไฮซีซั่น ผู้ประกอบการคาดว่ายอดจองน่าจะอยู่ที่ 90 – 100 % โดยมีกลุ่มตลาดใหม่ คือแอฟริกาใต้ สภาพปัจจุบันร้านค้า สถานบริการ และบริษัททัวร์ และกิจกรรมต่างๆ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยในส่วนของหอเตือนภัยก่อสร้างแล้วเสร็จ สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการบนเกาะได้เป็นอย่างดี
“การเลือกเส้นทางกระบี่ เพราะเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพสูง แม้จะมีการบินไทยและแอร์เอเชียเปิดบินอยู่แล้ว”อุดมกล่าวพร้อมกับเสริมอีกว่า สำหรับวันทูโกได้เริ่มเที่ยวบินแรกหลังการแยกตัวจากโอเรียนท์ไทย โดยเปลี่ยนมาใช้เที่ยวบิน OG แทน OX ซึ่งเริ่มไฟลต์แรกกรุงเทพฯ-กระบี่ ต้นเดือนตุลาคม 49 และจะเปิดบินทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน โดยช่วงนี้มีโปรโมชั่นราคาพิเศษจาก 1,950 บาท เหลือเพียง 1,700 บาท
ไทยแอร์เอเชียอัดแคมเปญสู้
แม้ว่าสายการบินไทยแอร์เอเชีย จะเป็นรายแรกที่เข้าไปเปิดให้บริการในสุวรรณภูมิก็ตาม แต่นั่นก็ใช่ว่าจะได้เปรียบคู่แข่งขัน การปรับตัวหลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิของไทยแอร์เอเชียจึงต้องเร่งทำอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเดินทาง
แน่นอนกลยุทธ์ที่ไทยแอร์เอเชียถนัดที่สุดคือการหั่นราคาลงมาภายใต้โปรโมชั่น แจ๊ม แจ่ม ที่มีราคาตั๋วเริ่มต้นเพียง 1 บาท ด้วยจำนวนที่นั่งถึง 6 แสนที่นั่งก็เป็นเพียงบทปฐมภูมิในการสร้างกระแสให้คนอยากเดินทางเท่านั้น และเส้นทางที่เปิดให้บริการอยู่แล้วก็หันมาสร้างพันธมิตรร่วมธุรกิจ
จะเห็นได้ว่าเส้นทางกรุงเทพฯ-กระบี่ สายการบินไทยแอร์เอเชีย ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดกระบี่ สมาคมโรงแรม จังหวัดกระบี่ และนิตยสาร Travel Tips พร้อมใจผนึกกำลังทำแคมเปญขึ้นมาภายใต้ “ เที่ยวกระบี่ ช่วงกรีนซีซั่น ได้รางวัลกลับบ้าน”
ขณะที่เส้นทางใหม่ไทยแอร์เอเชียยังคงไม่มีการเพิ่มหรือเปิดให้บริการ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้การปรับตัวของธุรกิจการบินยังคงต้องให้อยู่ตัวเสียก่อน ซึ่งเชื่อได้ว่าไทยแอร์เอเชียคงจะไม่หยุดการทำตลาดไว้เพียงเท่านี้แน่นอน
นกแอร์คิดนอกกรอบ
การปรับตัวของสายการบินนกแอร์หลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิดูจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก จะมีเพียงแค่หยุดทำการบินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนกับช่วงก่อนเปิดสนามบินสุวรรณภูมิประมาณต้นเดือนกันยายน 49 ที่ผ่านมาซีอีโอนกแอร์ อย่าง พาที สารสิน มุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อมอบให้กับนักเดินทาง สร้างความฮือฮาด้วยการประกาศความร่วมมือกับบริษัท สเปซ แอดเวนเจอร์ส (Space Adventures) บริษัทผู้นำด้านการท่องเที่ยวสู่อวกาศระดับโลก ในการนำสุดยอดประสบการณ์นวัตกรรมแห่งการท่องเที่ยวในอวกาศถึงหน้าประตูบ้านลูกค้า
“นกแอร์ มุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่และริเริ่มให้บริการที่เป็น “ครั้งแรกของโลก” มากมายแก่ผู้โดยสาร และด้วยการร่วมงานกับบริษัท สเปซ แอดเวนเจอร์ส เราได้นำประสบการณ์ ”ออกนอกโลก” สู่ประเทศไทย” พาที กล่าว
การร่วมมือกันในครั้งนี้ นกแอร์ว่ากันว่าจะเป็นสายการบินเพียงแห่งเดียวที่นำเสนอบริการของ สเปซ แอดเวนเจอร์ส ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางทางอากาศอย่างแท้จริงที่สายการบินต้นทุนต่ำไม่มีใครคิดนอกกรอบแบบนี้ได้
|
|
|
|
|