|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธนมิตร แฟคตอริ่ง เผยผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน หลังจากหกเดือนแรกได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันพุ่ง ดอกเบี้ยสูงและปัญหาทางการเมือง ส่งผลให้ลูกค้าน้อยลง แต่ผลจากดอกเบี้ยขาขึ้นดันให้งวดครึ่งปีแรกไม่ต่างจากปี 48 มั่นใจทั้งปีรายได้ขยับ ผลจากการพยายามหาลูกค้าใหม่เพิ่ม และไม่ต้องกันเงินเพื่อนำไปล้างขาดทุนสะสมเหมือนปีที่แล้ว หากครึ่งปีหลังทำได้ตามเป้า ปีนี้อาจมีปันผล ส่วนปี 50 ดันพอร์ตสินเชื่อให้ได้ 11,000 ล้านบาท หลังพลาดเป้าจากปีนี้
นายวิวัฒน์ คงคาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนมิตร แฟคตอริ่ง จำกัด ( มหาชน)(DM) เปิดเผยว่าผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ของบริษัทที่กำลังจะประกาศออกมานั้น ดูแล้วไม่น่าจะดีกว่าไตรมาสที่ 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ครึ่งปีแรกนั้นใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพราะลูกค้าที่มาใช้บริการลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แม้ว่าบริษัทจะหาลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มก็ตาม
"ไตรมาส 3 เท่าที่ดูคงไม่ต่างจากปีก่อน เราต้องรอผลจากการตรวจสอบบัญชี แต่เท่าที่ดูปริมาณจะลดลง แต่รายได้กลับไม่ได้ลดลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงในช่วงที่ผ่านมา จึงดันให้เราโตได้ตามดอกเบี้ยในตลาดที่เป็นขาขึ้น บวกกับที่มีลูกค้าใหม่ที่เราพยายามหาเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ลูกค้าเก่าเราก็พยายามรักษาไว้ด้วย แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจ ทำให้การใช้จ่ายน้อยลง " นายวิวัฒน์กล่าว
โดยรวมแล้วผลงานของ DM ปีนี้อาจไม่โตจากปี48 หรือหากโตก็คงไม่มาก ซึ่งไม่น่าจะส่งผลกระทบต่องบการเงินของบริษัทเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีที่ผ่านมานั้น บริษัทต้องกันเงินไว้เพื่อล้างขาดทุนสะสม ที่มีประมาณ 12 ล้านบาทหมดแล้ว ปีนี้บริษัทจึงไม่มีตัวเลขที่กันเงินสำรองไว้เพื่อล้างขาดทุนสะสมเหมือนปีที่ผ่านมา
นายวิวัฒน์กล่าวต่อว่าผลงานครึ่งปีหลังนี้ แนวโน้มดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายปีนี้ อันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาจากช่วงก่อนหน้านี้ บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มนิ่ง และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มีออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว จึงน่าจะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจก่อนหน้าที่อึมครึมกลับมาดีได้อีกครั้ง เพราะอย่างน้อยความชัดเจนก็จะสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักลงทุน
"ครึ่งปีแรกดอกเบี้ยสูงและราคาน้ำมันยังทะยานต่อเนื่อง ผู้บริโภคชะลอการใช้เงิน ลูกค้าเราก็ตัดสินใจช้าลง การจับจ่ายใช้สอยในทางธุรกิจก็ช้าหรือหยุดชะงัก ทุกอย่างรอบด้านได้รับผลกระทบหมด แต่ส่วนต่างดอกเบี้ยทำให้เกิดผลดีกับเราบ้าง " นายวิวัยฒน์กล่าว
จากเหตุการณ์เมื่อครึ่งปีแรก ทำให้เป้าหมายการพอร์ตสินเชื่อของบริษัทที่ก่อนหน้านี้ ตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทนั้นคงไม่ได้ตามเป้า โดยพอร์ตปีนี้จะทำได้ประมาณ 8-9 พันล้านบาทเท่านั้น พร้อมกับตั้งเป้าปี 2550 ว่า บริษัทจะสร้างพอร์ตสินเชื่อให้ได้ถึง 11,000 ล้านบาทให้ได้ เพราะจากความชัดเจนทางการเมืองอันจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นจากปีนี้ จึงเชื่อว่าการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในธุรกิจเอสเอ็มอี ที่การตัดสินใจในการลงทุนต้องชะงักตามภาวะการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดการชะลอการใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม ปีนี้พบว่าธุรกิจแฟตตอริ่งได้รับความสนใจจากธนาคารพานิชย์ที่จะหันมาให้บริการด้านนี้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น แม้ว่าจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม เนื่องจากธุรกิจนี้โดยรวมมีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 40-50% ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจากความชำนาญและถนัดในการทำธุรกิจนี้มานานกว่า ย่อมได้เปรียบรายใหม่แน่นอน
นายวิวัฒน์กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทมีอยู่มากกว่า 300 ราย และบริษัทยังต้องการเพิ่มลูกค้าให้ได้มากขึ้น เพราะหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เข้มงวดมากขึ้น ลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจเอสเอ็มอีหรือลูกค้ารายย่อยอื่น ๆ ต่างหันกลับมาใช้บริการของบริษัทแฟคตอริ่งมากขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัท แต่เท่าที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าก็ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นเช่นกัน แต่หลังจากนี้เชื่อว่าการใช้จ่ายในทางธุรกิจน่าจะมีมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา
ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่นิ่ง บริษัทได้หันมาบริหารความเสี่ยงของบริษัทนั้น DM จะเลือกปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่มีความสามารถในการจ่ายชำระคืนหนี้ได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น DM มีหนี้เสียเพียง 1% เท่านั้น ถือว่าน้อยมาก และหากอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นหรือต้นทุนการดำเนินงานพุ่ง บริษัทจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ปล่อยให้กับลูกค้าได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
นายวิวัฒน์กล่าวถึงการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นว่า เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทงดจ่ายปันผล เนื่องจากบริษัทต้องนำกำไรจากการดำเนินงานไปล้างขาดทุนสะสม แต่ปีนี้ผลงานในครึ่งปีหลังดีตามเป้า เชื่อว่าผลงานของบริษัทก็น่าจะดีตามด้วย บริษัทอาจมีการจ่ายเงินปันผลได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทก่อน โดยปกติบริษัทจะจ่ายเงินปันผล 50% ของกำไรสุทธิ
|
|
|
|
|