บิ๊กสมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ ยอมรับเตรียมหดเป้ารายได้ปีนี้ลดลงจากเดิมคาดโต18%จากปี 48 เหตุ หลังได้รับผลกระทบราคาน้ำมัน-การเมือง เผยสาเหตุที่ขายหุ้น 1.3 แสนหุ้น มาจากความจำเป็นต้องใช้เงิน ยังไม่ใช่การเพิ่มฟรีโฟลท หากดำเนินต้องรอความชัดเจนลูกค้ารายใหม่ 3 รายก่อน

นายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการอำนวยการ บริษัทสมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)หรือ SAT เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับประมาณการณ์รายได้ปีนี้ลดลง จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2548 ที่มีรายได้รวม 4,023.76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 441.14 ล้านบาท เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงปัจจัยทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แม้ขณะนี้ราคาน้ำมันเพิ่มเริ่มมีการปรับตัวลดลงยังไม่ถึงหนึ่งเดือน

“ราคาน้ำมันในขณะนี้ได้มีการเริ่มปรับตัวลดลงแล้ว แต่บริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้รายได้ในครึ่งปีหลังยังเติบโตไม่ค่อยดีทำให้บริษัทตั้งมีการปรับเป้ารายได้ปีนี้ลดลง แต่เชื่อว่าจะปรับลดลงไม่มากนัก จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้น 18% จากปี48 ที่มีรายได้รวม 4,023.76 ล้านบาท เพราะ บริษัทก็ได้มีการปรับราคาจำหน่ายสินค้าเพิ่มในช่วงไตรมาส4/49 ประมาณ 20 ล้านบาท”นายวีระยุทธกล่าว

ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ59-2) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่านายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการอำนวยการบริษัทสมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)หรือ SAT ได้มีการขายหุ้นออกมาจำนวน 130,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 15.07 บาท

นายวีระยุทธกล่าวว่า การที่ตนได้มีการขายหุ้นออกมาจำนวน 130,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.07 บาทรวมมูลค่า 1.95 ล้านบาท เนื่องจากมีความจำเป็นส่วนตัวที่ต้องมีการใช้เงินจึงขายหุ้นออกมา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนที่บริษัทจะมีการเพิ่มปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์(ฟรีโฟลท)แต่อย่างใด

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีการดำเนินงานเพิ่มฟรีโฟลทให้กับหุ้นของบริษัทก็ต่อเมื่อบริษัทมีการสรุปในเรื่องลูกค้าใหม่ของบริษัท 3 รายซึ่งมีมูลค่าการสั่งซื้อสินค้า 3,000-4,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทต้องมีการลงทุนเพิ่ม ส่งผลให้บริษัทจำเป็นที่จะต้องมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนซึ่งก็จะมีการเพิ่มฟรีโฟลทไปพร้อมกันในช่วงนั้นซึ่งหากบริษัทจะมีการเพิ่มทุนก็คาดว่าจะเป็นในปี 2550

“สำหรับลูกค้าใหม่ทั้ง 3 ราย นั้นคาดว่าจะสรุปได้ 1 รายภายในเดือนตุลาคมนี้ และอีก 2 รายคาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากทั้ง 3 ราย ตกลงที่จะสั่งซื้อสินค้าของSAT ทำให้บริษัทจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่ม ส่งผลให้บริษัทต้องมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนในปีหน้า ”นายวีระยุทธกล่าว

ส่วนความคืบหน้าในการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทนอกตลาดที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์เพื่อเป็นการต่อยอดของบริษัทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน ซึ่งเงินที่จะใช้ในการลงทุนนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยบริษัทอาจจะต้องมีการทบทวนในเรื่องงบการลงทุนในปี 2550 แต่ต้องรอความชัดเจนในเรื่องลูกค้าใหม่ทั้ง 3 รายก่อน