Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 ตุลาคม 2549
1ปียุคอสังหาฯปรับตัวบิ๊กจัดสรรยันไร้ฟองสบู่             
 


   
search resources

สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม
Real Estate




นาย สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหา-ริมทรัพย์ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง โดยเชื่อว่านโยบายดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของประชาชน เนื่องจากความต้องการยังมีอยู่ เพียงแต่นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นใจ ขณะที่การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2542 ก็ไม่ได้ขยายตัวรุนแรง มีการลงทุนก่อสร้างบ้านมากเกินความต้องการของตลาด แม้จะมีการเก็งกำไรอยู่บ้าง แต่น้อยเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ จึงไม่มีปัญหาฟองสบู่เกิดขึ้นในธุรกิจนี้แน่นอน แต่การเติบโตจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และเชื่อว่าน่าจะดีขึ้นในระยะเวลา1ปีของรัฐบาลชุดนี้

นายสมเชาว์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มเป็นไปในทางบวก ทั้งราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อเริ่มมีเสถียรภาพ ช่วยสร้างความมั่นใจต่อผู้ประกอบการในการลงทุนมากขึ้น ส่วนการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ขึ้นอยู่กับทำเลและรูปแบบของอสังหาฯแต่ละกลุ่มด้วย

ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้มีความเชี่ยวชาญ

ทั้งเศรษฐกิจและธุรกิจอยู่แล้ว จะสร้างความมั่นใจของผู้ประกอบการได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติม ยังเป็นเรื่องความชัดเจนทางการเมืองในอนาคต และเศรษฐกิจขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งหากการเมืองมั่นคง อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันมีเสถียรภาพ จะช่วยให้อสังหาฯขยายตัวได้ต่อไป

สำหรับตลาดอาคารชุดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะเติบโตได้สูงกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น เพราะได้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้กว่า 10 % สูงกว่าอัตราขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมที่จะขยายตัวประมาณ 5-10 %

ผลตอบแทนคอนโดฯปล่อยเช่าลดลง

นายแดน ตันติสุนทร หัวหน้าฝ่ายวิจัย โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่าแนวโน้มการลงทุนในคอนโดมิเนียมหรูเพื่อปล่อยในเขตกรุงเทพฯชั้นในว่า เริ่มมีอัตราลดลงในปี 2549 โดยมีสาเหตุมาจากการที่ราคาขายปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดเช่ามีการแข่งขันสูง ขณะที่โครงการที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่ ตั้งราคาขายสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และการยกระดับคุณภาพที่สูงขึ้นของโครงการคอนโดฯหรู ส่วนโครงการที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้ และการก่อสร้างใกล้เสร็จ มีการปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการคาดว่า ความต้องการซื้อในตลาดจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของโจนส์ แลงฯ พบว่า ราคาเฉลี่ยสำหรับคอนโดฯระดับหรูในเขตกทม.ชั้นใน สำหรับโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว ระดับราคาอยู่ที่ประมาณ 78,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) โดยขยับสูงขึ้นจากราคาเฉลี่ย ณ เดือนม.ค.49 อยู่ระดับ 72,000 บาทต่อตร.ม. ส่วนค่าเช่าที่เจ้าของยูนิตปล่อยเช่าในตลาด มีระดับเฉลี่ยที่ตร.ม.ละประมาณ 3,900 บาทต่อปี

การศึกษายังพบว่า การลงทุนซื้อคอนโดฯระดับหรูเพื่อปล่อยเช่าในขณะนี้ จะให้ผลตอบแทนการลงทุนอยู่ระหว่าง 4.4% ถึง 5.6% ลดลงจากปี 48 ที่ให้ผลตอบแทนระหว่าง 5% ถึง 5.7% โดยผลตอบแทนการลงทุนที่สูงสุดจะอยู่ในช่วงปี 2543 คือ 5.5% ถึง 6.8%

และแม้ว่า ผลตอบแทนการลงทุนจากการซื้อคอนเพื่อปล่อยเช่าจะอ่อนตัว แต่พบว่า โครงการคอนโดฯระดับหรูฯส่วนใหญ่ยังคงมียอดขายสูง โครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จมียอดขายเฉลี่ยกว่า 70% ส่วนโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว มียอดขายเฉลี่ยเกือบ 100%

มาอีกแล้ว!!ต่างชาติถือครองมากกว่า49%

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย กล่าวอ้างว่า ผู้ซื้อชาวต่างชาติ กำลังเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆกับตลาดคอนโดฯระดับหรู แม้ว่จะมีข้อจำกัดด้านปริมาณการถือครองอสังหาฯ โดยชาวต่างชาติที่ได้ไม่เกิน 49% และข้อจำกัดในการกู้ยืมเงินสำหรับชาวต่างชาติ เพื่อซื้ออสังหาฯ

จากการสำรวจของซีบีฯ พบว่าประมาณ 40% ของห้องชุดในโครงการคอนโดฯระดับหรูที่ขายในกรุงเทพฯ ถูกจับจองโดยชาวต่างชาติ และจากการสัมภาษณ์ผู้ซื้อทั้งหมดในโครงการคอนโดฯในกรุงเทพฯทั้งหมดที่ซีบีฯบริหารการขาย มากกว่า 50% ของชาวต่างชาติซื้อคอนโดฯเพื่ออยู่อาศัยเอง ใช้เป็นที่พักอาศัยแบบถาวรหรือบ้านหลังที่สอง เพื่อใช้ในบางช่วงเวลาของแต่ละปี

"เนื่องจากอสังหาฯในกรุงเทพฯมีราคาที่คุ้มค่า คอนโดฯระดับหรูในกรุงเทพฯมีราคาถูกกว่าในฮ่องกงถึง 10 เท่า และถูกกว่าสิงคโปร์ถึง 5 เท่าตัว "นางสาวอลิวัสสากล่าวถึงโอกาสที่ราคาที่ดินในกรุงเทพฯจะสูงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ยคอนโดฯระดับบนที่การก่อสร้างแล้วเสร็จในปัจจุบัน มีราคาเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1-1.3 แสนบาทต่อตร.ม. ส่วนคอนโดฯระดับหรูราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000-95,000 บาทต่อตร.ม. ,ตลาดคอนโดฯระดับกลางและต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 60,000-80,000 บาทต่อตร.ม.และ ต่ำกว่า 60,000 บาทสำหรับตลาดระดับล่าง ซึ่งทางซีบีฯคาดการณ์ว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ราคาจะขยับสูงขึ้นอีกราว 15-22%

อย่างไรก็ตาม ณ ไตรมาส 3 ของปี 49 ปริมาณคอนโดฯในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯมีจำนวนทั้งสิ้น 45,022 ยูนิต เป็นคอนโดฯแบบมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน (Freehold) จำนวน 43,046 ยูนิต เพิ่มขึ้น 727 ยูนิต จาก 4 โครงการใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่คอนโดฯแบบมีกรรมสิทธิ์เช่าระยะยาว (Leasehold) มีจำนวนเท่าเดิมเหมือนในไตรมาส 4 ของปี 48

และจากการสำรวจของซีบีฯ พบว่า จากจำนวนคอนโดฯแบบมีกรรมสิทธิ์ที่ดินในกรุงเทพฯทั้งหมด มีเพียง 3,929 ยูนิตที่เป็นคอนโดฯระดับบนและระดับหรู คิดเป็น 9.1% ของตลาด ขณะที่จำนวนคอนโดฯระดับกลางถึงล่างมี 39,117 ยูนิต คิดเป็น 90.9%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us