นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า วันนี้ (12 ต.ค.) บริษัทจะออกหุ้นกู้ประเภทไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ เสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบันจำนวน 2 ชุด วงเงินรวม 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการลงทุนขยายกิจการ และชำระเงินกู้เดิมที่ครบกำหนด (Refinance) ภายในปีนี้

โดยรายละเอียดของหุ้นกู้ ประกอบด้วย หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2549 ชุดที่ 1 มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท อายุหุ้นกู้ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.53% ต่อปี วันออกหุ้นกู้ 12 ตุลาคม 2549 ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ 12 ตุลาคม 2554 หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2549 ชุดที่ 2 มูลค่า 8 พันล้านบาท อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.79% ต่อปี วันออกหุ้นกู้ 12 ตุลาคม 2549 และครบกำหนด 12 ตุลาคม 2559

ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดดังกล่าวมีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ระดับ AA+

สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เป็นไปตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 ที่อนุมัติแผนการจัดหาเงินกู้เพื่อใช้ในการลงทุน หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป หรือเพื่อทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ (Refinance) วงเงินรวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2549 -2553) โดยให้ปตท. ดำเนินการกู้เงินจากสถาบันการเงิน ออกหุ้นกู้หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ จากแหล่งเงินในประเทศหรือต่างประเทศตามความเหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละขณะที่กู้เงิน

โดยก่อนหน้านี้ ผู้บริหารปตท. ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการระดมทุน ว่า ปตท. คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้มีการจัดหาเงินกู้รวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยภายในสิ้นปี 2549 นี้ จะออกหุ้นกู้เสนอขายให้กับบุคคลทั่วไปและสถาบันการเงินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดภายในปีนี้ ซึ่งจะไม่ทำให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้น

ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ในปี 2549 ปตท.และบริษัทในเครือมีแผนการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1.6 แสนล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกได้ลงทุนไปแล้ว 6หมื่นล้านบาท ทำให้คงเหลือเงินลงทุนในครึ่งปีหลังอีก 1 แสนล้าบาท ขณะที่ในปี 2550 ปตท. มีแผนที่จะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 1.4 แสนล้านบาท โดยปตท. พร้อมที่จะใช้วงเงินลงทุนจำนวนดังกล่าว และไม่มีการชะลอแผนการลงทุนแต่อย่างใด

ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้ประเมินฐานะการดำเนินงานปตท. ว่า ราคาหุ้น PTT มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่มีข่าวที่บริษัทเตรียมจะเข้าซื้อสถานีบริการน้ำมันเจ็ท 140 แห่ง ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทอีกทางหนึ่ง ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อ แม้ว่าปตท. ยังติดปัญหาเรื่องการฟ้องร้องให้ยกเลิกการแปรรูปที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด โดยมีแนวต้านที่ 226 บาท แนวรับที่ 214 บาท

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุด วานนี้ (11 ต.ค.) PTT มีการซื้อขายใกล้เคียงกับราคาปิดครั้งก่อนระหว่าง 214 - 216 บาท และเริ่มมีแรงซื้อขายมาค่อนข้างหนาแน่นในช่วงบ่าย แต่ราคายังคงไม่เคลื่อนไหวมากนัก ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 214 บาท ลดลงจากวันก่อน 2 บาท หรือคิดเป็น 0.93% มูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 550.81 ล้านบาท