Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 ตุลาคม 2549
เกียตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์ผลิตเตรียมส่งรถเล็กลุยปลายปี             
 


   
search resources

Automotive
ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์, บจก.




"เกีย" หวังรุกตลาดอาเซียน เล็งตั้งฐานผลิตในไทย ตัวเก็งผงาดเหนือมาเลเซีย-อินโดนีเซีย พร้อมเร่งเจรจา BOI และศึกษาทำเลที่ตั้งในนิคมฯ คาดชี้ชัดปี'07 ขณะที่ตลาดไทยเน้น Asean Car รุกตลาดรถเล็กและรถปิคอัพ ประเดิมปลายปีนี้เปิด 1 รุ่น ราคา 4.9-5.9 แสน

นายบุญฤทธิ์ ผ่องเมฆินทร์ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทเกีย มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทแม่ในประเทศเกาหลีใต้ มีนโยบายที่จะรุกตลาดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแผนที่จะตั้งฐานการผลิตรถยนต์เกียในภูมิภาคอาเซียน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกรถยนต์ดังกล่าวไปยังประเทศต่างๆ ทั่วภาคพื้นอาเซียน ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราภาษีรถยนต์นำเข้าของประเทศในภาคพื้นดังกล่าวมีอัตราสูงกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ราคาจำหน่ายไม่สามารถแข่งขันในตลาดดังกล่าวได้

ขณะนี้ทาง บริษัทเกีย มอเตอร์ฯ ได้ศึกษารายละเอียดการตั้งโรงงานผลิตใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีโอกาสสูงกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศมาเลเซียมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเข้มงวด และให้สิทธิ์คุ้มครองผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีแรงงานที่มีศักยภาพและความชำนาญด้อยกว่าประเทศไทย ด้วยเหตุนี้เมื่อ 3-4 เดือน ทางเกีย มอเตอร์ฯ ได้เข้ามาศึกษาเจรจากับ BOI ในเรื่องของสิทธิประโยชน์ในการสนับสนุนด้านการลงทุน พร้อมศึกษาสถานที่ย่านนิคมอุตสาหกรรมเพื่อตั้งโรงงาน รวมถึงการจัดหาซัพพายเออร์ภายในประเทศที่จะสนับสนุนชิ้นส่วนสำหรับการประกอบรถยนต์เกียในประเทศไทยอีกด้วย

การตั้งฐานการผลิตรถยนต์เกียในไทย คาดว่าจะใช้พื้นที่สำหรับการผลิตรถยนต์ 1 ล้านตารางเมตร และเงินลงทุนเป็นจำนวนหลายพันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีการเจรจากับทาง ยนตรกิจ กรุ๊ป ในเรื่องของการลงทุน และสัดส่วนการร่วมลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่มีการสรุปเรื่องโมเดลรถยนต์เกียที่จะนำมาทำตลาดไทยอย่างชัดเจน และรอความชัดเจนด้านนโยบายการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ก่อน อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 2007 น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องการลงทุน

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทแม่ ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2010 ที่จะขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 5 ของโลก สำหรับในปีนี้ ฮุนได กรุ๊ป ได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 6 และคาดว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จะสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน โดยบริษัทแม่ได้ให้ความสำคัญกับการตั้งฐานการผลิตในทวีปต่างๆ เพื่อเจาะตลาดในภาคพื้นนั้นๆ ซึ่งนอกจากจะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์แล้ว ยังมีหน่วยงาน Research & Develompent เพื่อศึกษาตลาดรถยนต์และความต้องการของผู้บริโภคในภาคพื้นนั้นๆ อีกด้วย

สำหรับประเทศไทย บริษัทแม่ ให้ความสนใจตลาดรถเก๋งขนาดเล็ก หรือ A-Segment โดยมีนโยบายทำโครงการ Asean Car ซึ่งทำการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับตลาดภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะ เน้นรถ Eco-Car เป็นหลัก ในปลายปีนี้ คาดว่าจะมีการนำเข้ารถขนาดเล็กมาจำหน่ายในไทย 1 รุ่น ราคาจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 4.9-5.9 แสนบาท โดยยอดจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 5,000-6,000 คันต่อปี นอกจากนี้ทางบริษัทแม่ยังให้ความสนใจตลาดรถปิคอัพ เนื่องจากเป็นตลาดที่มียอดจำหน่ายสูงในแต่ละปี และเป็นตลาดที่มีเซกเมนต์ที่มีขนาดใหญ่สุดในไทย

ปัจจุบัน ยอดจำหน่ายรถยนต์เกียในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนสิงหาคม 2006 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 1,100 คัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 150 คัน มีอัตราการเติบโตลดลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดรถยนต์โดยรวม ทั้งนี้เนื่องจากรถยนต์เกียที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นขนาดเล็กที่มียอดจำหน่ายในแต่ละปีไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้ทางบริษัท ยนตรกิจ เกีย ฯ จึงได้เจรจากับบริษัทแม่ เพื่อนำเข้ารถยนต์ Grand Carnival ซึ่งเป็นรถ Multipurpose Vehicle ขนาด 11 ที่นั่ง ที่มีอรรถประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้บริโภค ด้วยราคาจำหน่ายเพียง 1,496,000 บาท สำหรับรุ่น LX และรุ่น EX ในราคา 1,595,000 บาท กับรุ่น EXEX ราคาจำหน่าย 1,694,000 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us