|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“เป็ปซี่ แมกซ์”ปิดจุดอ่อนส่วนผสมน้ำตาลและปริมาณแคลอรี่ที่สูงออกไป แปลงร่างกลายเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ “น้ำอัดลมไร้แคลอรี่” สนองตอบพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วง 2 -3 ปี ที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพตามกระแสสุขภาพ โดยหันไปนิยมเครื่องดื่มอื่นๆที่ไม่มีคาร์บอเนตเช่นชาเขียว น้ำผลไม้มากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนั้น ส่งผลต่ออัตราการเติบโตของตลาดน้ำอัดลมไม่หวือหวาเหมือนก่อน โดยปีนี้คาดว่าโต 4-5% จากมูลค่าตลาดรวม 3 หมื่นล้านบาท
หลังจากที่กลยุทธ์ In&Out ทำตลาดเครื่องดื่มน้ำดำให้เป็นสินค้าแฟชั่น เพิ่มสีสันความหลากหลายสินค้าในตลาด เพื่อเอาใจคอน้ำดำได้ถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยค่ายเป็ปซี่ ผู้นำในตลาดน้ำดำ ครองส่วนแบ่ง 63.5% จากมูลค่าตลาดน้ำดำ 2.3 หมื่นล้านบาท นำนวตกรรมใหม่มากระตุ้นตลาดสาระพัดเวอร์ชั่นทั้งเป็ปซี่ทวิสต์, เป็ปซี่บลู, เป็ปซี่ไฟร์, เป็ปซี่ไอซ์, เป็ปซี่ลาเต้, และเป็ปซี่โกลด์ แต่ก็ไม่อาจจะเข้าไปช่วงชิงผู้บริโภคคืนจากเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกลับคืนมาได้
ในที่สุด การปรับจุดขายใหม่น้ำอัดลม ที่เป็นการเคลื่อนไหวเกาะไปตามกระแสสุขภาพของวัยรุ่นซึ่งกำลังมาแรงขึ้น ขณะที่พฤติกรรมการบริโภคของทุกคนยังต้องการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติแบบเดิม จึงเป็นความพยายามดิ้นรนครั้งใหม่ เพื่อรักษาตลาดน้ำอัดลมให้มีอัตราการเติบโตให้มีตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ
ชาลี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เป๊ปซี่ โคล่า ไทย เทรดดิ้ง จำกัด บอกว่า เป็ปซี่ แม็กซ์ เป็นการทำตลาดเดินไปข้างหน้าที่ฉีกภาพเดิมๆของการทำตลาดน้ำอัดลม เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยดึงจุดเด่นเรื่อง 0 แคลอรี่มาเป็นจุดขาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเป๊ปซี่จะมีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 6-7%ภายในสิ้นปีนี้
แม้ว่าเป็ปซี่ แม็กซ์ จะไม่ใช่น้องใหม่ในวงการ เพราะเข้ามาทำตลาดในบ้านเรากว่า 10 ปี เมื่อปี 2536 ในขณะนั้นน้ำอัดลม ไดเอต หรือเครื่องดื่มน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลกำลังเฟื่องฟู แต่ก็ไม่รุ่งเรืองเพราะต้องเผชิญกับอุปสรรคของพฤติกรรมการดื่มของคนไทยที่ไม่อยากดื่ม เพราะติดกับรสชาติความหวานจากน้ำตาล
ปัจจุบันภาพรวมตลาดน้ำอัดลม ไดเอตยังเป็นตลาดที่เล็กอยู่ โดยมีเป๊ปซี่ แมกซ์ และโค้ก ไลท์ ครองส่วนแบ่งตลาดตามลำดับคือ 60 % และ 40% ทั้งนี้คาดว่าในอนาคตสัดส่วนของเป๊ปซี่แม็กซ์จะเพิ่มเป็น 15% อีก 10 ปีข้างหน้า เป็นไปตามแนวโน้มเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ปริมาณยอดขายน้ำอัดลม ไดเอต มีสัดส่วนถึง 20-25%
ทว่าเมื่อเทรนด์สุขภาพมาแรงทำให้ 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดรวมน้ำอัดลม ไดเอตมีอัตราการเติบโต 20-30 % โดยในปี 2547 เป๊ปซี่ แม็กซ์ มีอัตราการเติบโตถึง 20 % และเติบโต 30 % หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 1 ล้านลังในปีต่อมา และแม้ว่าตลาดรวมน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลจะมีสัดส่วนเพียง 1% หรือมูลค่า 300 ล้านบาท ของตลาดรวมน้ำอัดลมทั้งระบบมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ทิศทางด้านบวกดังกล่าวก็เป็นจังหวะดีที่เป็ปซี่ แมกซ์ จะกลับมาอีกครั้ง
ขณะที่อีกฟากหนึ่งของค่ายน้ำอัดลมในบ้านเราคือบริษัทโคคา-โคลา (ประเทศไทย)นั้น ไม่ได้ออกมาการเคลื่อนไหวนานในตลาดน้ำอัดลม ไดเอตนานมาก โดยหลังจากที่เปิดตัวเครื่องดื่มน้ำอัดลมไดเอทโค้ก (Diet Coke) เข้าสู่ตลาดเมืองไทยในปี 2534 ครั้งล่าสุดที่ออกมาเคลื่อนไหวคือในปี 2545 มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโค้กไลท์ จากชื่อเดิม ไดเอท โค้ก
แนวรบเกมใหม่ในตลาดน้ำอัดลมของเป็ปซี่ แมกซ์ จะเริ่มบุกในช่วงไตรมาสที่สี่ พร้อมทั้งเทงบการทำตลาด 20 ล้านบาท เพื่อรีโพซิชั่นนิ่ง เป็ปซี่ แมกซ์ ปรับตำแหน่งสินค้าให้ดูทันสมัยขึ้น มีการโพซิชั่นนิ่ง ตำแหน่งสินค้าใหม่ คือ “รสชาติเต็มแมกซ์ 0 แคลอรี่” ให้ประโยชน์ของสินค้าที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยในขณะนี้ ที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น
ซึ่งเป็นการสร้างการรับรู้ที่แตกต่างจากเดิม ที่สื่อให้ผู้บริโภครับรู้ว่า เป็ปซี่ แม็กซ์ เป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมโลว์ชูการ์ ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณที่ต่ำกว่า 1% และมีแนวคิดภายใต้คอนเซ็ปต์เดิม คือ “เป็ปซี่ แมกซ์ เต็มรสชาติเป๊ปซี่ ไม่มีน้ำตาล : Don’t Worry, No Sugar” ซึ่งเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ยังชื่นชอบรสชาติเท่านั้น
นอกจากนั้นยังปรับโลโก้และฉลากจากเดิมใช้คำว่า ไม่มีน้ำตาล หรือNo Sugar เปลี่ยนมาเป็น ไม่มีแคลอรี่ หรือ 0 Calorie โดยจะเริ่มวางตลาดในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้การทำตลาดเป็ปซี่ แต่ละเวอร์ชั่น จะไม่เข้าไปกินตลาดกันเอง เพราะมีการสื่อสารการตลาดไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน เป็ปซี่ แม็กซ์ มุ่งสื่อสารถึงกลุ่มหลักคือ ผู้ชายวัยทำงานอายุ 20-29 ปี ที่ห่วงใยสุขภาพตัวเอง ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองเป็นผู้หญิง ส่วนเป็ปซี่ เรกกูล่าร์ เจาะกลุ่มอายุ 15-24 ปี เป็ปซี่ ทวิสต์ เจาะกลุ่มอายุ 15-29
แนวคิดการสื่อสารการตลาดนั้น จะมีการต่อยอดจากแนวคิดเดิม ที่ดึงคำว่า “ แม็กซ์” นำมาพัฒนาแนวคิดโฆษณา “รสชาติเต็มแมกซ์ 0 แคลอรี่” ที่มีความแตกต่างจากแนวคิดของเป๊ปซี่ เรกกูล่าร์ที่ใช้แนวคิดว่า “เต็มที่กับชีวิต ” ผ่านสื่อภาพยนตร์ชุดใหม่แนวคิด “ใช้ชีวิตเต็มแมกซ์” และกิจกรรมการตลาดครบวงจรทั้งแจกสินค้าตัวอย่าง 2-3 แสนแก้ว พร้อมทั้งตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง สนับสนุนกีฬาเอ็กซ์ตรีม แตกต่างจากเป๊ปซี่เรกกูล่าร์ ที่สนับสนุนฟุตบอลเป็นกีฬาหลัก
|
|
|
|
|