Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2546








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2546
Vision ของประธานคนที่ 11             
 

   
related stories

ข้อมูลบุคคลประพัฒน์ โพธิวรคุณ

   
search resources

ประพัฒน์ โพธิวรคุณ




การลงนามจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ในเดือนมกราคม 2535 ระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศใน กลุ่มอาเซียนอีก 5 ประเทศ แม้จะเป็นมิติใหม่ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีผล อย่างยิ่งต่อพัฒนาการของธุรกิจอุตสาหกรรมไทย แต่แนวคิดนี้ ก็ได้สร้างปัญหาให้กับภาคเอกชนของไทยไม่น้อยเลยทีเดียว

ความพร้อมของภาคเอกชนในขณะนั้น ถือว่ามีน้อยมาก

แนวคิดนี้ เป็นการริเริ่มของอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายก่อนได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี อานันท์ดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรม คนที่ 8

ปีนี้เป็นปีที่เขตการค้าเสรีอาเซียน ที่ได้ลงนามจัด ตั้งกันเมื่อ 11 ปีก่อน เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ กำแพงภาษี ของสินค้าหลายตัวถูกทลายลง เพื่อให้การค้าขายระหว่างประเทศในกลุ่มมีความคล่องตัวขึ้น

เป็นปีที่ประพัฒน์ โพธิวรคุณ ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธาน สภาอุตสาหกรรม คนที่ 11

ประพัฒน์อาจเป็น 1 ในประธานสภาอุตสาหกรรมเพียงไม่กี่คน ที่ไม่ได้มีฐานมาจากการเป็นนักอุตสาหกรรม เพราะเขามีพื้นฐานเริ่มต้นมาจากนักการตลาด ซึ่งมุมมองตรงนี้ช่วยให้เขามองเห็นถึงพัฒนา การและอุปสรรคของการค้าขาย ที่นอกเหนือไปจากมุมมองทางด้าน การผลิตแต่เพียงอย่างเดียว

เขามองว่า AFTA เป็นบทเรียนที่ดีที่จะช่วยให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะนักอุตสาหกรรมไทย สามารถขยายตลาดสินค้าได้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่พรมแดนการแข่งขันของผลผลิตทางด้าน อุตสาหกรรมของไทย ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เฉพาะตลาดภายในประเทศ แต่ต้องก้าวออกไปสู่ระดับสากล

การเตรียมความพร้อมของภาคเอกชนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ตามโครงสร้างการบริหารใหม่ของสภาอุตสาหกรรม ในยุคที่ประพัฒน์เป็นประธาน ได้มีการแยกสายงานใหม่ขึ้นมาได้แก่สายงาน เศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยมีชวลิต นิ่มละออ รองประธานเป็นผู้ดูแล

สายงานนี้เป็นการแยกออกจากสายงานความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศเดิม ที่มีเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช รองประธานเป็นผู้ดูแล

บทบาทของสายงานเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จะเน้นในเชิงวิชาการ เกี่ยวกับเรื่องของปัญหา และช่องทางการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ในสายงานนี้ จะมีหน่วยงานย่อยแตกออกไปอีก อาทิ หน่วยบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หน่วยพัฒนาการส่งออก องค์กรระหว่างประเทศ กรอบความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่ดูแลเรื่องกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า และมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อเตรียมตั้ง รับรูปแบบการกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่ที่ว่าด้วยสิ่งแวด ล้อม แรงงาน สารเคมีเจือปนในสินค้า ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น

ส่วนสายงานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะเน้นทางด้านพิธีการทูตเป็นหลัก

นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมการค้าเสรี ซึ่งมีประพัฒน์เป็นประธานด้วยตัวเอง คณะกรรมการชุดนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับการเปิดการค้าเสรีในลักษณะทวิภาคีที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการกับประเทศอื่นๆ อยู่

บทบาทของคณะกรรมการชุดนี้ จะทำหน้าที่ในการประสานงานกับภาครัฐ ในการเตรียมท่าทีของไทยกับประเทศ ต่างๆ

ในคณะกรรมการชุดนี้ ยังแบ่งเป็นคณะทำงานย่อย อีก 5 ชุด ที่จะดูแลประเทศที่นโยบายการเปิดการค้าเสรีได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว ประกอบด้วย

1. คณะทำงานไทย-จีน

2. คณะทำงานไทย-บาห์เรน

3. คณะทำงานไทย-ออสเตรเลีย

4. คณะทำงานไทย-ญี่ปุ่น

5. คณะทำงานไทย-อินเดีย

คณะทำงานทั้ง 5 ชุด จะมีรองประธานแต่ละคน เป็น ผู้ดูแลโดยเฉพาะ และยังพร้อมที่จะตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นหาก ประเทศไทยได้ไปเปิดความสัมพันธ์ทางด้านการค้ากับประเทศ อื่นๆ เพิ่มเข้ามาอีก

ในมุมมองของประธานสภาอุตสาหกรรมคนที่ 11 เห็นว่าภาวะการแข่งขันทางการค้าโลกที่สลับซับซ้อนขึ้น ไม่สามารถมอบหมายภาวะการนำให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือภาคเอกชน ได้แต่เพียงด้านเดียว แต่ทั้ง 2 ฝ่าย ต้องทำงานที่สอดประสานกัน ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

โครงสร้างใหม่ของสภาอุตสาหกรรมที่เริ่มใช้มาเป็นการ แสดงความพร้อมในระดับหนึ่งให้กับฝ่ายรัฐได้มองเห็น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us