|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.ทหารไทยยอมรับอยู่ระหว่างการทบทวนแผนออก “กองทุนอินฟราสตัครเจอร์ฟันด์” มูลค่าโครงการกว่า 1 พันล้านบาท หลังคปค.ยืนยันทุ่มงบลงทุนเมกะโปรเจกต์ คาดปลุกผีหุ้นกลุ่มก่อสร้าง-รับเหมา-ขนส่ง ย้ำต้องจับตาเจบิคในฐานะผู้ให้กู้รายใหญ่ในฐานะผู้ให้กู้ว่าจะปล่อยกู้หรือไม่หลังรัฐประหาร
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMBAM) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ยืนยันสานต่อนโยบายลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ของอดีตรัฐบาลรักษาการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้บริษัทต้องกลับมาทบทวนโครงการจัดตั้งกองทุนหุ้นที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการเมกะโปรเจกต์ ซึ่งก่อนหน้าได้ศึกษาการจัดตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
“เรากำลังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการออกกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ใหม่ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในต้นปีหน้า เพื่อแน่นอนว่าหากมีการลงทุนเมกะโปรเจกต์ตามแผนจะทำให้หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์” นางโชติกล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตามคือ สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อลงทุนในเมกะโปรเจกต์ ซึ่งเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สนใจปล่อยกู้เพื่อลงทุนในเมกะโปรเจกต์คือ เจบิคจะปล่อยกู้หรือไม่ หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จากการเข้าทำการรัฐประหารของคปค. เพื่อยึดอำนาจบริหารประเทศจากอดีตรัฐบาลรักษาการ
กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกับสถาบันจัดอันดับเครดิต สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ หรือเอสแอนด์พี เพื่อสร้างดัชนีอ้างอิงถึงผลการดำเนินงานของกองทุนอินฟราสตรัครเจอร์ฟันด์ โดยจะมีหุ้นที่เกี่ยวข้องและนำมาคำนวณในดัชนีประกอบด้วย หุ้นในกลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง สนามบิน เทเลคอม ปูนซิเมนต์ คอนสตรัคชั่น และกลุ่มขนส่งเป็นต้น
นายณสุ จันทร์สม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยาเจเอฟ จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบลจ.เอเจเอฟ ปัจจุบันๆ ไม่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกะโปรเจกต์ เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังเป็นกลุ่มที่เราเฝ้าระวัง ประกอบกับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ออกมาไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมา
ทั้งนี้ ในการลงทุนจะต้องพิจารณาในแง่ต้นทุนของแต่ละบริษัทประกอบ ดูพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ ผลประกอบการและแนวโน้ม ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาถึงโอกาสการได้งานว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงเพียงพอหรือไม่
"ถึงแม้จะมีความชัดเจนว่าโครงการเมกะโปรเจกต์จะเดินหน้าต่อไป แต่คงต้องรออีกไกล ซึ่งในส่วนของบริษัทที่ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวก็เช่นกัน คงจะยังไม่เห็นชัดเจนทันทีในเรื่องของกำไรที่จะเพิ่มขึ้น"
นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มก่อสร้าง หรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาได้ปรับตัวสูง และปัจจุบันมีหุ้นบางตัวที่ราคาสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน
“คงต้องติดตามว่า ท้ายที่สุดแล้วโครงการเมกะโปรเจกต์จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ เพราะในช่วงที่ผ่านมามีข้อจำกัดในเรื่องของแหล่งเงินทุนในการก่อสร้าง ทำให้การดำเนินล่าช้าออกไป” นายกรวุฒิกล่าว
ขณะที่นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นในช่วงก่อนหน้านี้ว่า หากโครงการเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นจริง แน่นอนว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์ตามมา แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาอาจจะตกไปบ้าง เนื่องจากนักลงทุนยังเป็นห่วงว่าภายหลังจาก คปค.เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ ทำให้โครงการเมกะโปรเจกต์ต้องเลื่อนออกไปอีก
อย่างไรก็ตาม จากความชัดเจนที่ คปค.ออกมายืนยันแล้วว่าจะให้การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์เดินหน้าต่อไป เชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องรอการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อจาก คปค. ก่อน ซึ่งในส่วนรายละเอียดของโครงการเองก็ต้องรอดูด้วยว่าจะเดินตามนโยบายเดิมหรือไม่ เช่น โครงการรถไฟฟ้ายังเหลืออยู่กี่สาย หรือจะเดินหน้า 3 สายแรกต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ การที่หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งกลุ่มก่อสร้าง ผู้รับเหมา อาจจะมีผลประกอบการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าหุ้นกลุ่มนี้จะดีดรับรายได้ในอนาคตได้ เพราะกว่าจะมีการประมูลงานอย่างจริงจังคงจะใช้เวลาอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ขายรับไปบ้างแล้ว แต่อาจจะปรับขึ้นไม่รุนแรงมากนักถ้าเทียบก่อนเกินการปฏิรูปการปกครอง
"เชื่อว่าตลาดยังรอความชัดเจนของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้าสานต่อว่าจะดำเนินงานต่อไปอย่างไร หรือจะลงทุนโครงการใดบ้าง ซึ่งคาดว่าในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้าคงจะมีความชัดเจนมากขึ้น" นายศุภกรกล่าว
สำหรับผลต่อเศรษฐกิจ นายศุภกรกล่าวว่า การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ มีผลดีต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้จากนโยบายของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในช่วงก่อนการปฏิรูปการปกครองที่ผ่านมา ก็นำการลงทุนในรถไฟฟ้าขึ้นมาหาเสียงด้วย
ส่วนพอร์ตการลงทุนของบลจ.เอ็มเอฟซี ก่อนหน้านี้มีการขายหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกะโปรเจกต์ออกไปส่วนหนึ่ง เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงไป แต่ก็มีการกลับเข้าไปซื้อบ้าง ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มดังกล่าวอาจจะมีความผันผวนบ้างแต่ก็คงจะต้องมีอยู่ในพอร์ตการลงทุนบ้าง
|
|
|
|
|