โจนส์ แลงฯ บริษัทให้บริการและการลงทุนอสังหาฯ ระดับโลก ไม่หนักใจต่อการปฏิรูปการปกครองที่เกิดขึ้นและไม่กระทบต่อตลาดอสังหาฯ ในไทย โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติและกองทุนระดับโลก ยังสนใจตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ผลการศึกษาชี้ครึ่งปีแรกการลงทุนซื้ออสังหาฯ ทั่วโลก มูลค่า 290,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดเอเชียแปซิฟิกยอดเข้ามาลงทุนมูลค่า 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จับตากองทุนต่างๆ แห่กว้านซื้อสินทรัพย์คุณภาพดีในประเทศกำลังพัฒนา คาดทั้งปีมูลค่าลงทุนอสังหาฯ ทั่วโลก 600,000 ล้านดอลลาร์ฯ
บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้การปฏิรูปการปกครองที่เกิดขึ้นในไทย ไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ต้องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย สังเกตจากนักลงทุนยังสนใจลงทุนในอาคารสำนักงานของไทย เชื่อรัฐบาลใหม่จะมีนโยบายสร้างการเติบโตเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ขณะที่แนวโน้มการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีอยู่สูง
นายล่องลม บุนนาค ประธานกรรมการและหัวหน้าฝ่ายบริการด้านการลงทุนของโจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก เปิดเผยว่า การปฏิรูปการปกครองที่เกิดขึ้น ไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่จะพยายามอย่างดีที่สุดในการทำให้เศรษฐกิจของไทยสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ แนวทางตลาดซื้อขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุนของไทย ยังสอดคล้องกับแนวโน้มโดยรวมของตลาดการซื้อขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งกิจกรรมการลงทุนซื้อในตลาดอสังหาฯ ของไทยมีสภาพคึกคัก มีรายการซื้อขายใหญ่ๆ เกิดขึ้นหลายรายการ โดยเฉพาะในตลาดอาคารสำนักงาน สำหรับรายการลงทุนซื้อที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ ในปีนี้ ได้แก่ การซื้ออาคารดีทแฮมบนถนนวิทยุโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ด้วยมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท และทางบริษัทโจนส์ แลงฯ คาดว่า ความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ จะยังคงมีอยู่สูง เนื่องจากแนวโน้มของตลาดยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีในระยะสั้นถึงปานกลาง โดยค่าเช่าจะยังคงขยายตัวต่อไปอีก
ขณะที่ตามรายงานศึกษาตลาดการลงทุนในอสังหาฯ ทั่วโลก จากโจนส์ แลง ลาซาลล์ ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ การลงทุนซื้ออสังหาฯ ทั่วโลกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 290,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปี 2548 โดยเป็นการลงทุนซื้ออสังหาฯ ในตลาดเอเชียแปซิฟิกประมาณ 15% หรือ 43,000 ล้านดอลลาร์ ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วถึง 40%
นายกาย ฮอลลิส ผู้อำนวยการระหว่างประเทศกลุ่มบริการด้านตลาดทุนของโจนส์ แลงฯ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ยังคงพัฒนาการไปสู่การเป็นตลาดการลงทุนระหว่างประเทศ เห็นได้จากการที่ 44% ของมูลค่าการลงทุนซื้ออสังหาฯ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการลงทุนข้ามประเทศ เทียบกับสัดส่วน 34% ในช่วงเดียวกันกับปี 2548 โดยการลงทุนซื้อระหว่างภูมิภาคในครึ่งแรกของปีนี้ มีมูลค่า 89,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 31% ของมูลค่าการลงทุนซื้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปรับขึ้นจากปีที่แล้ว 24% และจะพบว่ากลุ่มนักลงทุนข้ามภูมิภาคกำลังกว้านซื้ออสังหาฯ คุณภาพดีในประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ
“ทั่วโลก ผู้จัดการกองทุนหลายรายให้ความสนใจการลงทุนเข้าซื้อโครงการอสังหาฯ เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคง และมีแนวโน้มที่จะลงทุนในอสังหาฯ ในสัดส่วนที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เชื่อว่าตลอดปี 49 มูลค่าการลงทุนซื้ออสังหาฯ ทั่วโลกจะแตะระดับ 600,000 ล้านดอลลาร์” นายฮอลลิสกล่าว
และประเภททรัพย์ที่มีการลงทุนซื้ออสังหาฯ ระหว่างภูมิภาคที่เกิดขึ้น แยกเป็นประเภทอาคารสำนักงาน 48% (ลดลงจาก 52% ในช่วงครึ่งแรกปี 2548) ในขณะที่การลงทุนซื้อธุรกิจโรงแรมมีมูลค่าปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก คือ 16,000 ล้านดอลลาร์ (23% เป็นการลงทุนซื้อโรงแรมข้ามภูมิภาค 23% เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2548)
รายงานของโจนส์ แลงฯ ยังระบุอีกว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ กิจกรรมการลงทุนซื้ออสังหาฯ ข้ามประเทศในเอเชียแปซิฟิก คิดเป็น 29% ของมูลค่าการลงทุนซื้อที่เกิดขึ้นทั้งหมดในภูมิภาค (ครึ่งแรก 2548 เท่ากับ 28%) และการซื้อขายกับภูมิภาคอื่นคิดเป็น 18% (ครึ่งแรก 2548 เท่ากับ 15%) ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายอสังหาฯ สูงสุดในภูมิภาค คือ 51% ตามด้วยออสเตรเลีย 12%, จีน 11%, ฮ่องกง 10% และสิงคโปร์ 7%
|