|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ตุลาคม 2549
|
|
โบราณท่านว่า "ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม" คงใช้ไม่ได้ในยุคไฮสปีด เมื่อคนสมัยนี้ดูจะไม่ชอบใช้เวลามากในการรอคอยผลลัพธ์จากการลงทุน แต่หวังผลตอบแทนที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการรีดไขมันที่เกาะเป็นห่วงยางอยู่รอบเอว และผิวส้มที่ต้นขาแต่กลับไปหนักที่ใจของสาวๆ จนอยากสลัดทิ้งให้หายวับไปในพริบตา
สำหรับใครหลายๆ คน การลดน้ำหนักอาจเปรียบได้กับการบำเพ็ญทุกข์กิริยา ขณะที่การจะลดหุ่นลงสัก 2 ไซส์ในเวลาไม่ถึงเดือน อาจถึงกับต้องพึ่งปาฏิหาริย์ กันเลยทีเดียว
แต่ด้วยนวัตกรรมเครื่องออกกำลังเทคนิคของนาซ่าที่เลียนแบบการออกกำลังกายภายใต้ภาวะสุญญากาศของนักบินอวกาศ ซึ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานมากกว่าการออกกำลังกายปกติถึง 10 เท่า ทว่าใช้เวลาน้อยกว่าเพียงครึ่ง และที่สำคัญยังเป็นการลดสัดส่วนที่ดีกว่าหลายเท่าตัว
"ระบบสุญญากาศจะเพิ่มการหมุน เวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ต้องการลดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่มีไขมันสะสมและเซลลูไลต์ (ผิวส้ม) จึงเป็นการเผาผลาญ เซลล์ไขมันโดยตรง ขณะที่การออกกำลังปกติ ร่างกายจะดึงน้ำตาลมาใช้ก่อนและ ต้องใช้เวลานานกว่าจะดึงถึงชั้นไขมันสะสม
เทียบกับการเข้าฟิตเนส 1 ชั่วโมง จะเผาผลาญพลังงานแค่ 100 กว่าแคลอรี แต่ด้วยระบบสุญญากาศ เพียงครึ่งชั่วโมงเผาผลาญได้ถึง 1,000 แคลอรี โดยที่เหนื่อยและเสียเหงื่อน้อยกว่า"
คำอธิบายคอนเซ็ปต์ของเครื่องออกกำลังระบบสุญญากาศ โดยแพทย์หญิงนันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Apex Profound Beauty คลินิกเสริมความงามครบวงจรทั้งผิวพรรณ หน้าตา และรูปร่าง
ย้อนไปปี 2530 หลังจบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ญ.นันทภัทร์เข้าศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังในมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา และเข้าอบรมดูงานด้านศัลยกรรมเลเซอร์อย่างต่อเนื่องในสถาบันระดับโลกหลายแห่ง
กระทั่งเกือบ 10 ปีก่อน พ.ญ.นันทภัทร์ก่อตั้ง Apex Profound Beauty จากเดิมที่เน้นรักษาผิวพรรณใบหน้า ก็เริ่มขยายสู่บริการเสริมความงามทั่วเรือนร่าง โดยใช้ทั้งเทคนิคศัลยแพทย์ เครื่องมือในบิวตี้ซาลอน การแพทย์ทางเลือก และเทคโนโลยีชั้นสูงในวงการเสริมความงาม ระดับโลกมาใช้ให้บริการ
นอกจากบริหารคลินิก ปัจจุบันเธอยังสอนด้านศัลยศาสตร์ผิวพรรณที่มหาวิทยาลัยมหิดล และทำงานที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ รวมทั้งรับบรรยายเรื่องศัลยศาสตร์ผิวพรรณให้กับสถาบันทั้งในประเทศและการประชุมแพทย์ระดับโลก จึงทำให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติรู้จักและยิ่งเชื่อมั่นในฝีมือมากขึ้น โดยราว 60-70% ของลูกค้า Apex เป็นชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ Apex เพิ่งทุ่มทุนก้อนโตอีกครั้ง เพื่อนำเข้าชุดเครื่องออกกำลังกายระบบสุญญากาศจากบริษัท Hypoxi ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็น นวัตกรรมรีดไขมันที่กำลังอินเทรนด์ในตลาดสุขภาพความงามของโลก มาให้ลูกค้ากระเป๋าหนาได้ทดลองใช้ ทั้งชุดประกอบด้วย 3 เครื่องโดยแต่ละเครื่องใช้เวลาเพียง 30 นาที
Hypoxi Trainer L250 เครื่องปั่นจักรยานภายใต้สภาวะสุญญากาศ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำจัดไขมันบริเวณต้นขา สะโพก และก้น ตัวเครื่องออกแบบมาเพื่อความสบายของผู้รักความสะดวกอย่างแท้จริง เพราะเป็น การนอนปั่น โดยมีจอทีวี หูฟังเพลง และแมกกาซีนไว้คอยบริการด้วย
Vacumassage หรือ VM400 น่าจะเป็นเครื่องที่ถูกใจลูกค้าสาวที่อยากสวยโดยไม่เสียแรง ไม่เสียเหงื่อ เพราะเป็นการนอนสบายๆ บนเครื่องในชุดสูทสุญญากาศที่มีปุ่มนวดถึง 400 จุดที่เป็นบริเวณที่มักมีไขมันสะสมและเซลลูไลต์ เมื่อปุ่มนวดทำงานก็จะรู้สึกราวกับว่ามีมือเป็นร้อยมาบีบนวดเป็นการสลายไขมันที่แสนจะผ่อนคลายจนอาจลืมว่ากำลังออกกำลัง
สุดท้าย Vacunaut เป็นเครื่องออกกำลังที่ดูจะเรียกเหงื่อและเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจได้มากที่สุด การทำงานคล้ายเครื่อง VM400 ที่ผู้เล่นต้องสวมชุดสูทสุญญากาศ แต่แทนที่จะนอนก็เปลี่ยนเป็นเดินหรือวิ่งบนเครื่องแทน และเน้นการเผาผลาญ "ห่วงยาง" หรือไขมันบริเวณหน้าท้อง และสะโพกเป็นหลัก
แม้ปัจจุบัน Apex มีถึง 6 สาขาในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา แต่มีเพียงที่สาขาสุขุมวิท 39 เท่านั้นที่มีบริการ "Hypoxi Therapy" ด้วยเครื่องชุดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสนน ราคาแสนแพงของเครื่องและอุปกรณ์ประกอบ เช่น ชุดสูทสุญญากาศ และ "Airnergy" เครื่องบำบัดด้วยออกซิเจนเข้มข้นบริสุทธิ์เหมือนอากาศในป่า ที่นำมาเสริมให้การทำ Hypoxi Therapy ได้ผลดีและรู้สึกสบายยิ่งขึ้น
สำหรับค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้ง หรือ 30 นาที สูงถึง 2 พันกว่าบาท หรือก็คือคอร์สปกติราคา 25,000 บาท/12 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง เท่ากับเลือกเล่นได้เพียง 2 เครื่อง
"จริงๆ เครื่องแบบนี้ก็เหมือนเครื่องเล่นในฟิตเนสที่ใช้ได้ครั้งละคน แต่เครื่องนี้ราคาแพงกว่าเยอะ ซื้อเครื่องนี้ตัวเดียวเท่ากับเครื่องพวกนั้นสัก 30 ตัว ถ้าถามก็ตอบว่าเครื่องแบบนี้ดีที่สุด เพียงแต่เราลงทุนไหวไหมที่จะมีหลายเครื่องบริการหลายคน และผู้ใช้จะจ่ายไหวหรือเปล่า คนที่มีกำลัง (เงิน) ใช้เครื่องเล่นในฟิตเนสมีเยอะ แต่คนที่มีกำลังใช้เครื่องแบบนี้มีน้อย จำนวนแค่นี้ก็เลยน่าจะพอรองรับกลุ่มคนที่จ่ายไหวได้"
ลูกค้าหลักของบริการ Hypoxi Therapy เป็นนักธุรกิจที่มักทำงานหนักจนไม่มีเวลาสำหรับออกกำลัง หลายรายความสามารถในการรอคอยผลและขีดความพยายามต่ำ แต่ก็ยังอยากดูแลรูปร่างตัวเอง และอยากเห็นผลเร็วทันใจ จึงยอมจ่ายแพงเพื่อซื้อความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ
อันที่จริง เครื่อง Hypoxi ชุดนี้ถูกนำเข้ามาในเมืองไทยเกือบ 2 ปีแล้ว โดย The Bodhi ซึ่งให้บริการอยู่ในศูนย์การค้าเอราวัณแบงค็อก ทว่าราคาสูงกว่าครึ่งแสนสำหรับคอร์สต่ำสุด 20 ครั้ง
"ในอนาคต เมื่อคนใช้เยอะ เทคโนโลยีเหล่านี้ก็น่าจะถูกลง คนอีกไม่น้อยก็อาจจะได้ใช้ หรือถ้าใช้เครื่องจนได้คุ้มแล้ว ค่าบริการ ก็อาจลดลง ลูกค้ามากขึ้นก็น่าจะมีโอกาสได้ใช้" พ.ญ.นันทภัทร์ พูดให้ความหวังกับกลุ่มลูกค้าเบี้ยน้อย
กว่าจะถึงวันที่ "รากหญ้า" พอจ่ายไหว คนอ้วนกระเป๋าแบน ทั้งหลายคงต้องหันไปพึ่งเทคนิคเก่าๆ รีดไขมันไปพลางๆ ก่อน นั่นคือการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำ...ใช้เทคโน โลยีต่ำ ใช้เวลานาน ใช้ความพยายามสูง แต่สบายกระเป๋าตังค์กว่าหลายเท่า
|
|
|
|
|