4 กุมภาพันธ์ ปี 2528 "ชาญ
อิสสระ ทาวเวอร์ 1" ได้ผงาดขึ้นบน ถนนพระราม 4 อย่างสง่างามและ
ได้สร้างภาพลักษณ์ที่สำคัญให้กับกลุ่มชาญอิสสระว่าเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีเงินหนา
แล้วยังมองการณ์ไกลเพราะชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 1 เป็นอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าสูง
22 ชั้น ที่ก่อสร้างเสร็จเป็นโครงการอาคารชุดสำนักงาน และศูนย์การค้าเพื่อขาย
ให้เช่า เป็นโครงการแรกๆ บนถนนพระราม 4 เป็นตึกที่ทันสมัยมากในเวลานั้น ร้านหรู
แบรนด์ดังต่างๆ
เกิดขึ้นครั้งแรกที่ตึกแห่งนี้
ปี 2531 ได้เข้าไปพัฒนานิคม อุตสาหกรรมลาดกระบังเฟส 3 และสามารถขายได้หมดภายในเวลาไม่ถึง
1 ปี
ในช่วงเวลาที่กองทัพนักลงทุน ตามแห่ไปสร้างโครงการคอนโดมิเนียมชายทะเลที่พัทยา
(ก่อนที่จะกลายเป็นโครงการคอนโดมิเนียมร้างริมหาดพัทยาอยู่หลายปี) กลุ่มนี้กลับเบนเข็มไปก่อสร้างโครงการที่อำเภอชะอำแทน
และชะอำบีชคอนโดมิเนียมก็ได้ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 2536
พร้อมๆ กับการก่อสร้างคอนโด มิเนียม ชายทะเล ชาญก็ได้ส่งสงกรานต์ เข้าไปประมูลที่รถไฟ
86 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ บนถนนพระราม 9 มีค่าย
ซี.พี.เป็นคู่แข่งที่สำคัญ โดยได้พัฒนาเป็นศูนย์การค้ารูปลักษณ์ใหม่ที่สุด
ในเอเชียและกลายเป็นโครงการที่ดังที่สุดในกรุงเทพฯ
ยุคต่อมาคือโครงการ "รอยัล ซิตี้ อเวนิว" หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ RCA
กลุ่มอิสสระ ใช้เงินเพียง 130 ล้านบาท ประมูลที่ดินแปลงนี้มา แต่สามารถขายโครงการในแผ่นกระดาษได้เป็นเม็ดเงินถึง
1 พันกว่าล้านบาท แม้โครงการนี้ไม่สามารถพัฒนาได้ครบถ้วนตามแผนที่วางไว้
เพราะประสบกับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่กระหน่ำเข้ามา แต่ก็สร้างกำไรมาก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อ 10 ปีก่อนนั้น ดูเหมือนจะเป็นยุคทองของกลุ่มนี้อย่างแท้จริง เพราะได้มีการพัฒนาหลายโครงการพร้อมกัน
บ้านสวนเพชร คอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น บนถนนสุขุมวิท 36 ก็ได้ก่อสร้างเสร็จกลางปี
2536
โครงการชาญอิสสระ ฟาร์มฮิลล์ กลางหุบเขาที่
มวกเหล็กก็ได้พัฒนาในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับโครงการชาญอิสสระ ซิตี้โฮม
และ 14 กุมภาพันธ์ 2536 อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ศูนย์การค้าและสำนักงานสูง
35 ชั้นก็ได้ตระหง่านขึ้นบนถนน เพชรบุรี ก่อนที่จะปิดฉากยุคที่รุ่งเรืองที่สุดไว้ที่โครงการนี้