ตลาดรวมเก๋งโตสวนทางปิกอัพ “ฮอนด้า” มั่นใจปลายปียอดพุ่ง 71,000 คัน พร้อมลงทุนเพิ่ม 225 ล้านบาท ในส่วนระบบตรวจสอบและระบบเครื่องยนต์ คาดตลาดรวมปีหน้าโตขึ้นกว่า 3% ยันหนุนโครงการรถเล็ก พร้อมคาดหวังรัฐบาลใหม่จะช่วยผลักดัน และปลายปีเตรียมปล่อยหมัดเด็ดกับโฉมใหม่ของซีอาร์-วี
นายฮิโรชิ โทดะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าสำหรับตลาดรถยนต์รวมปีนี้ เคยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีว่าจะมียอดขายรวมทุกยี่ห้อสูงถึง 760,000 คัน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันมีปัจจัยลบรอบด้าน โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาส่งผลให้ต้องมีการปรับตัวเลขใหม่ โดยฮอนด้ามีการปรับลดลงมาอยู่ที่ 725,000 คัน หรือเติบโต 3 % เมื่อเทียบกับปีที่ 2548 ที่ทำได้ 703,000 คัน แต่สำหรับเป้ายอดขายฮอนด้ายังคงเดิม 71,000 คัน
ในส่วนของมูลค่าการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ในปีนี้จากโรงงานฮอนด้าที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะจะเพิ่มขึ้น 38% จากปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มเป็น 54,000 ล้านบาท จาก 39,119 ล้านบาทในปีที่แล้ว โดยปัจจุบันโรงงานจะทำการผลิตทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือ ซิตี้ แจ๊ซ ซีวิค และ แอคคอร์ด ทั้งนี้ ฮอนด้า ได้คาดการณ์ปริมาณการผลิตในปีนี้ไว้ที่ 1.25 แสนคัน มากกว่ากำลังการผลิตปกติที่ 1.2 แสนคัน/ปี แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 58,138 คัน
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในครึ่งปีหลัง บริษัทได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์-วี โฉมใหม่ ที่คาดว่าจะนำมาเปิดตัวในช่วงงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ แม้ตลาดรถเอสยูวีจะหดตัวลงในช่วงที่ผ่านมาและส่งผลให้การทำตลาดยากขึ้น แต่บริษัทฯก็มั่นใจว่าซีอาร์-วีใหม่ จะมีช่วยกระตุ้นตลาดเอสยูวี ให้กับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนงบประมาณการลงทุนในปีนี้อยู่ที่ 225 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในเรื่องของระบบตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์ (Multi-driver tester system) มูลค่า 68 ล้านบาท ส่วนอีก 157 ล้านบาทนั้น เป็นการลงทุนในเรื่องศูนย์ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่ผลิตจากโรงงาน ก่อนส่งออกไปยังโรงงานของฮอนด้าใน 15 ประเทศในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย อเมริกาใต้ อเมริกากลางและอเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น จีน ยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา จากปกติฮอนด้าต้องทำการสุ่มชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และส่งไปตรวจสอบคุณภาพยังประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ฮอนด้ายังมีแผนที่จะเปิดศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ในต้นปีหน้าอีกด้วย
ทั้งนี้ในเรื่องของโครงการรถยนต์ขนาดเล็กที่ยังคงเป็นปัญหามานานเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ไม่ชัดเจน(ชุดเก่า) จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในขณะนี้ ฮอนด้าก็คาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะนำเรื่องนี้มาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันบริษัทฯยืนยันที่จะสานต่อนโยบายดังกล่าวเนื่องจากว่ารถที่เหมาะสมที่สุดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ควรจะเป็นรถเล็ก ส่วนเรื่องของสเปกรถนั้นสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ที่สำคัญราคาต้องจูงใจ
|