|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายมงคล เกษมสันต์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนร่วมเพื่อร่วมลงทุนในวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อม (กองทุนเอสเอ็มอี) เปิดเผยว่า ทั้งปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะร่วมลงทุนกับเอสเอ็มอีเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 90 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุนได้เข้าไปร่วมทุนแล้วประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้จะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกประมาณ 3 ราย ที่กองทุนจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมายังมีผู้ประกอบการอีกเป็นจำนวนมากที่อยากให้กองทุนเข้าไปร่วมลงทุนด้วย แต่เนื่องจากต้องมีการพิจารณาถึงคุณสมบัติเพื่อให้ตรงตามยุทธศาสตร์ของกองทุนด้วย โดยเฉพาะการเติบโตและผลประกอบการของบริษัท
สำหรับปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนของกองทุนแต่อย่างใด เนื่องจากการตัดสินใจลงทุนจะขึ้นอยู่กับบริษัทนั้นๆ มากกว่า ว่ามีความพร้อมแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวก็ทำให้หลายบริษัทยังไม่เหามะสมที่กองทุนจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย
"ปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีผลต่อการลงทุนของกองทุน เนื่องจากเราจะพิจารณาจากตัวบริษัทมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะมีบางบริษัทที่ได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งก็อาจจะมีผลพวงมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย" นายมงคลกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากนี้ต่อไปบริษัทเอสเอ็มอีที่กองทุนจะเข้าไปร่วมลงทุน จะให้ความสำคัญในการพลักดันในบริษัทนั้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ มากขึ้น หลังจากที่ผ่านมา กองทุนจะเน้นการลงทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจ และเป็นที่ปรึกษาทั้งทางด้านการเงินและการลงทุนมากกว่า โดยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา กองทุนได้สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการไปแล้วประมาณ 8,700 ล้านบาท
ส่วนหลายบริษัทที่กองทุนเข้าไปร่วมลงทุนและมีแผนจะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงก่อนหน้านี้ นายมงคลกล่าวว่า บางบริษัทได้ยื่นแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะบริษัท แจเปน เรนท์ จำกัด ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานก.ล.ต. แล้ว แต่ยังรอจังหวะที่เหมาะสมในการระดมทุนและเข้าไปจดทะเบียนในตลาดเอ็ม เอ ไอ เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีบริษัท โกลเด้น มาย์ล จำกัด ที่มีแผนจะยื่นไฟลิ่งด้วย แต่ยังรอจังหวะที่เหมาะสมอยู่เช่นกัน
ล่าสุด กองทุนได้ลงนามร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มอีก 2 ราย ประกอบด้วย บริษัท วัททิล ไดเมท (สยาม) จำกัด จำนวน 14 ล้านบาท และบริษัท วินนิ่งส์ เวลธ์ จำกัด จำนวน 2 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีบริษัทที่ร่วมลงทุนแล้วทั้งหมด 76 บริษัท รวมเป็นเงินร่วมลงทุนทั้งสิ้น 743.34 ล้านบาทหลังจากผ่านการลงทุนไปประมาณ 7 ปี
นายสุรพล รุจิกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัททิล ไดเมท (สยาม) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เพื่อระดมเงินส่วนหนึ่งมาใช้ในการทำตลาดและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาด รวมทั้งพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งในขณะนี้บริษัทมีความพร้อมอยู่แล้ว และคาดว่าในช่วงเดือนหน้าจะสามารถยื่นไฟลิ่งให้สำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณาได้
สำหรับบริษัท วัททิล ไดเมท (สยาม) จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสีคุณภาพสูง สำหรับทาไม้ สีสำหรับทาอาคาร และสีที่ใช้ทาในงานอุตสาหกรรม โดยทั้งปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขายจากผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ หลังจากกองทุนเข้ามาร่วมลงทุนส่งผลให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 70 ล้านบาท โดยกองทุนมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 14.29 ของทุนจดทะเบียน
ส่วนบริษัท วินนิ่งส์ เวลธ์ จำกัด เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจออกแบบ ผลิต และจำหน่ายเปลไกวอัตโนมัติสำหรับเด็กอ่อน และอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อน โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียนภายหลังการเข้าร่วมลงทุนจากกองทุนเป็น 8 ล้านบาท ซึ่งกองทุนมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน
|
|
|
|
|