Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 กันยายน 2549
คลังรับลูกคปค.เตรียมปรับเพิ่มจีดีพี             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการคลัง

   
search resources

กระทรวงการคลัง
สมชัย สัจจพงษ์
Economics




นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทบทวนตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีใหม่ ภายหลังที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ทำให้มีการจัดทำงบประมาณปี 2550 มีความชัดเจนและรวดเร็วขึ้น

"ตัวเลขจีดีพีใหม่ของคลังจะอยู่ที่เท่าไหร่ ต้องรอการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ก่อน แต่คาดว่าแนวโน้มดีขึ้น และจะมีการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการก่อนเดือน พ.ย.นี้" นายสมชัยกล่าว

สำหรับประมาณการณ์เดิมของกระทรวงการคลัง คาดว่าจีดีพีปี 2549 อยู่ที่ 4.5% ส่วน ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 4.25 เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ โฆษก คปค.กล่าวถึงตัวเลขจีดีพีปีนี้ว่าน่าจะสูงกว่า 4.5% เนื่องจากงบประมาณมีความชัดเจนและช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี สามารถเบิกจ่ายงบประมาณปี 2549 ได้ ก่อนงบฯ ปี 50 จะเริ่มในเดือนมกราคม 2550

"ถ้างบฯปี 50 ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรหรือยังไม่ได้อนุมัติก็สามารถใช้งบฯของปี 49 ซึ่งสำนักงบประมาณก็ได้กำหนดตารางเวลาของกรอบนี้ไว้ ขอยืนยันว่ากรอบเวลาไม่มีข้อสงสัยที่จะเป็นปัญหาแต่ประการใด"

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง และหาก คปค.สามารถดำเนินการทุกอย่างได้ตามขั้นตอนที่กำหนด อาทิ การร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว การสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก็เชื่อว่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยดีขึ้น เพราะทุกอย่างมีความชัดเจนขึ้น โดยขณะนี้สถานการณ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุน และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเป็นปกติ

***รอรัฐบาลใหม่โยกย้ายขรก.คลัง

นายศุภรัตน์เปิดเผยถึงการโยกย้ายข้าราชการระดับซี 10 และซี 11 ของกระทรวงการคลัง ว่า จะต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ได้ให้ไว้ ส่วนการสรรหาตำแหน่งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ อาทิ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ ที่จะหมดวาระสิ้นเดือนกันยายนนี้ ให้ดำเนินการตามกระบวนการสรรหาต่อไป แต่สิ่งใดที่เป็นการตัดสินใจให้รอรัฐบาลชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่มีปัญหามากนัก เพราะคาดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ภายในสัปดาห์หน้า

ส่วนการสรรหาคณะกรรมการบริหารบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT จะต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ รวมทั้งขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของบมจ.อสมท

"ขณะนี้กระทรวงการคลังก็ได้เตรียมข้อมูลการดำเนินงานของกระทรวงที่ผ่านมา เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป" นายศุภรัตน์กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงนโยบายทิศทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของคณะปฏิรูปฯ เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.)

***จับตาหุ้นก่อสร้าง-รับเหมา

นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ คปค.ยืนยันว่าจะมีการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ในปี 2550 อย่างแน่นอนว่า หากเมกะโปรเจกต์ เกิดขึ้นจริง แน่นอนว่า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์ตามมา แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาอาจจะตกไปบ้าง เนื่องจากนักลงทุนยังเป็นห่วงว่าภายหลังจากการปฏิรูปการปกครองของคณะปฏิรูปการปกครองฯ โครงการดังกล่าวอาจจะยกเลิกไปหรือยืดออกไปอีก

อย่างไรก็ตาม จากความชัดเจนที่ คปค.ออกมายืนยันแล้วว่าจะให้การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์เดินหน้าต่อไป เชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องรอการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อจาก คปค. ก่อน ซึ่งในส่วนรายละเอียดของโครงการเองก็ต้องรอดูด้วยว่าจะเดินตามนโยบายเดิมหรือไม่ เช่น โครงการรถไฟฟ้ายังเหลืออยู่กี่สาย หรือจะเดินหน้า 3 สายแรกต่อไปหรือไม่

ทั้งนี้ การที่หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งกลุ่มก่อสร้าง ผู้รับเหมา อาจจะมีผลประกอบการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าหุ้นกลุ่มนี้จะดีดรับรายได้ในอนาคตได้ เพราะกว่าจะมีการประมูลงานอย่างจริงจังคงจะใช้เวลาอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ขายรับไปบ้างแล้ว แต่อาจจะปรับขึ้นไม่รุนแรงมากนักถ้าเทียบก่อนเกินการปฏิรูปการปกครอง

"เชื่อว่าตลาดยังรอความชัดเจนของคณะระฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้าสานต่อว่าจะดำเนินงานต่อไปอย่างไร หรือจะลงทุนโครงการใดบ้าง ซึ่งคาดว่าในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้าคงจะมีความชัดเจนมากขึ้น"นายศุภกรกล่าว

สำหรับผลต่อเศรษฐกิจ นายศุภกรกล่าวว่า การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ มีผลดีต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้จากนโยบายของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในช่วงก่อนการปฏิรูปการปกครองที่ผ่านมา ก็นำการลงทุนในรถไฟฟ้าขึ้นมาหาเสียงด้วย

ส่วนพอร์ตการลงทุนของบลจ.เอ็มเอฟซี ก่อนหน้านี้มีการขายหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกะโปรเจกต์ออกไปส่วนหนึ่ง เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงไป แต่ก็มีการกลับเข้าไปซื้อบ้าง ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มดังกล่าวอาจจะมีความผันผวนบ้างแต่ก็คงจะต้องมีอยู่ในพอร์ตการลงทุนบ้าง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us