|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
หุ้น MCOT ราคาดำดิ่ง 11.94% ขานรับ"มิ่งขวัญ"พร้อมบอร์ดไขก๊อกลาออก พบราคาหุ้น 5 วันทำการไหลรูดแล้ว 26.25% โบรกเกอร์ "เคจีไอ-นครหลวงไทย"ปรับประมาณการผลประกอบการปีหน้าใหม่ ขณะที่โบรกเกอร์บางรายแนะเลี่ยงลงทุนรอเปิดตัวทีมผู้บริหารชุดใหม่ พบการซื้อขายบิ๊กล๊อต 5 แสนหุ้น มูลค่ารวม 15 ล้านบาท ด้านสหภาพแรงงานฯ อสมท. เร่งประชุมด่วน กรณี ผู้บริหารลาออกยกบอร์ด เอ่ยปากเสียดาย มิ่งขวัญ ล่ารายชื่อได้กว่า 200 ชีวิต เตรียมส่งมอบให้สหภาพแรงงานฯ ยื่นต่อ กระทรวงการคลัง
วานนี้(27 ก.ย.) ราคาหุ้นของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ปรับตัวลดลงอย่างแรงและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก ภายหลังการประกาศลาออกของคณะกรรมการบริษัทและนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยราคาเปิดอยู่ที่ 30.25 บาทลดลง 3.25 บาทหรือ 9.70% ต่อมาได้มีแรงเทขายออกมา ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 29.00 บาท ก่อนจะกระเตื้องขึ้นและมาปิดที่ระดับ 29.50 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 11.94% มูลค่าการซื้อขาย 1,383.41 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 2
นอกจากนี้ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่หรือบิ๊กล็อตในหุ้น MCOT.จำนวน 1 รายการ 5 แสนหุ้นราคาเฉลี่ย 30 บาท มูลค่ารวม 15 ล้านบาท
การปรับตัวลดลงของราคาหุ้น MCOT วานนี้ถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยหากเปรียบเทียบกับราคาปิดในวันที่ 19 ก.ย. ก่อนที่คณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งราคาปิดที่ 40.00 บาท ปรับตัวลดลงแล้วถึง 10.50 บาทหรือ 26.25%
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรมการผู้จัดการสายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเป็นเพราะการประกาศลาออกของนายมิ่งขวัญ เนื่องจากที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของอสมท ที่ปรับตัวดีขึ้นจากผลงานของนายมิ่งขวัญ ซึ่งในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลดลงได้อีก เนื่องจากอัตราค่าโฆษณารวมถึงงบประมาณในการโฆษณาของภาครัฐอาจจะเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ บริษัทแนะนำให้หลีกลี่ยงการลงทุนในหุ้นMCOT จนกว่าจะมีการจัดตั้งทีมผู้บริหารและคณะกรรมการชุดใหม่อย่างชัดเจนก่อน
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัดระบุว่า ที่ผ่านมานายมิ่งขวัญเป็นผู้ที่ปรับปรุงรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 จากรายการที่ไม่เป็นที่สนใจ มาเป็นรายการในลักษณะสื่อความรู้ (edutainment concept) คือ Modernine TV ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งผู้ชมเพิ่มตลอดมา คาดว่าเมื่อนายมิ่งขวัญพ้นจากตำแหน่ง จะทำให้รายได้จากการโฆษณาลดลงราว 10%
บริษัทคาดว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวน่าจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอสมท ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไปราว 20% บริษัทจึงแนะนำ “ขาย” หุ้นMCOT โดยมีราคาเป้าหมายที่ 32 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นMCOT ว่า จากการลาออกของนายมิ่งขวัญ และผลกระทบจากเรื่องการเมืองและความไม่แน่นอนต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทอสมท ดังนั้นจึงจะมีการทบทวนประมาณการใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้นายมิ่งขวัญถือเป็นคนที่ผลักดันให้อสมทประสบความสำเร็จในการแปรสภาพโทรทัศน์ของรัฐวิสาหกิจไปสู่การเป็นบริษัทที่มีผลกำไรและมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งการลาออกจะเป็นจุดเปลี่ยนในปัจจัยพื้นฐานและมีผลต่อกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามในระยะยาวมองว่าไม่มีผลกับบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทอสมทถือว่ามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้การลาออกของนายมิ่งขวัญจะส่งผลลบในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วคนที่จะมารับตำแหน่งน่าจะยังคงดำเนินนโยบายเดิมต่อไป ทำให้ไม่มีผลกระทบในระยะยาว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า อยู่ระหว่างการปรับประมาณการปี 50 หลังจากที่จะมีการเข้าพบกับผู้บริหารใหม่ ส่วนผลประกอบการของบริษัทอสมทในปี 2549 คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร โดยยังคงคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตสูง ซึ่งเป็นผลจากรายได้ค่าโฆษณารวมที่สูงขึ้นประมาณ 30% เนื่องจากเรตติ้งของรายการโทรทัศน์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การปรับขึ้นค่าโฆษณาของรายการที่ได้รับความนิยมสูงและธุรกิจวิทยุที่รับรู้ผลของการเริ่มดำเนินการเองแทนการปล่อย เช่าเต็มปี ทำให้กำไรสุทธิในปี 2549 คาดว่าจะเติบโตกว่า 33% จากปีก่อน เป็น1,464 ล้านบาท
**สหภาพฯเชลียร์ขอมิ่งขวัญคืน
นายพัชระ สารพิมพา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ. อสมท เปิดเผยว่า วานนี้ (27 ก.ย.) สหภาพฯได้มีการจัดประชุมด่วน ภายหลังจากที่ นายมิ่งขวัญและคณะกรรมการในบอร์ดได้แสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์วันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา ด้วยการลาออกจากบอร์ดยกชุดนั้น ส่วนนายมิ่งขวัญก็ได้ลาออกจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ด้วย ทำให้ขณะนี้เกิดสุญญากาศขึ้นภายในองค์กรเหลือเพียงบอร์ดรักษาการเท่านั้น โดยจะทำหน้าที่พิจารณาดำเนินงานต่างๆที่สำคัญเท่านั้น
ในที่ประชุมของสหภาพฯมีมติว่าเสียดาย ผอ.มิ่งขวัญ และคณะกรรมการบอร์ดชุดนี้ที่ลาออกไป โดยขอชื่นชมในการแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้
“ที่ผ่านมา ผอ.มิ่งขวัญ ได้ทำประโยชน์ให้แก่องค์กรเป็นอย่างมาก ทั้งช่วยปรับภาพลักษณ์เดิมขององค์กรสู่มิติใหม่ในความเป็นสังคมอุดมปัญญา เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งที่ผ่านมาผอ.มิ่งขวัญได้ทำงานเต็มความสามารถและไม่เคยมีเรื่องการทุจริตเข้ามาแต่อย่างไร”
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมานั้น จนถึงขณะนี้ สหภาพฯ ยังไม่ได้รับรายงาน หรือมีการสอบถามผอ. มิ่งขวัญแต่อย่างไร เนื่องจากโดยปกติ จะมีการสอบถามกันในที่ประชุมกิจการสัมพันธ์ที่จะจัดขึ้น 1 ครั้งทุกๆเดือน แต่ยังไม่ถึงวาระการประชุม ผอ.มิ่งขวัญ และคณะกรรมการบอร์ด ก็ได้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกไปก่อน ดังนั้นจึงมองว่า เวลานี้จึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องรู้ว่า ในวันนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในส่วนของผู้บริหารคนใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนั้น สหภาพฯและพนักงาน อสมท. ได้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในการพิจารณาคนที่จะมาเป็นผู้บริหาร อสมท. คนใหม่ด้วยว่า ต้องการให้พิจารณา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ด้วย เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่องค์กรเป็นอย่างมาก ขณะที่หากมีผู้อื่นที่คาดว่าจะสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวได้ สหภาพฯ อยากให้นำคุณสมบัติของนายมิ่งขวัญไปเปรียบเทียบด้วย อีกทั้งผู้นั้นควรจะมีคุณสมบัติที่ดีพร้อม โดยเฉพาะในเรื่องของความสามารถ และมีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวออกมาว่า มีรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท. คนใหม่ ประมาณ 2-3 ราย โดยเป็นผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ อสมท. มาก่อนแล้ว รวมถึงผู้ที่เคยสมัครเข้ามาในตำแหน่งดังกล่าวในครั้งที่ผ่านๆมาด้วย แต่ยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างไร
**ล่ารายชื่อเตรียมส่งมอบ ก.คลัง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ได้มีกลุ่มพนักงาน อสมท. รวมตัวกันลงชื่อเป็นจำนวนกว่า 200 -300 รายชื่อ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จากจำนวนพนักงาน อสมท. ทั้งหมดประมาณ 1,200 คนนั้น เพื่อต้องการให้นายมิ่งขวัญกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมอีกครั้ง มายังสหภาพฯ เพื่อเป็นตัวกลางในการส่งมอบให้แก่กระทรวงการคลัง ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อสมท. ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของพนักงานที่มีความชื่นชมการทำงานของนายมิ่งขวัญ อีกทั้งเพื่อให้พิจารณา การลาออกของ ผอ. มิ่งขวัญ และคณะบอร์ดอีกทางหนึ่งด้วย
นายพัชระ กล่าวต่อว่ามิได้มีเจตนาในการรวมกลุ่มเรียกร้อง หรือเคลื่อนไหวแต่อย่างไร เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้กำลังต้องการความสงบเรียบร้อยมากที่สุด แต่ที่ได้เร่งประชุมกันนั้น เพื่อต้องการให้ผู้มีอำนาจได้รับรู้ถึงความต้องการของพนักงาน อสมท. เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตุกันว่า การออกมาเรียกร้องครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า มีกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ในอสมท ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หรือคนในสหภาพฯ เช่น เรื่องของการถือหุ้น เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ราคาหุ้นของ อสมท ได้ปรับลดลงมาตลอดเวลา ทำให้ผู้ที่ถือหุ้นอยู่นั้นต้องสูญเสียผลประโยชน์ไป และต้องยอมรับว่า ภาพลักษณ์ของตัวนายมิ่งขวัญเองนั้น ผูกติดกับอสมทมากพอสมควร เมื่อลาออกไปคนก็กลัวว่า อสมท จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
|
|
 |
|
|