Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กันยายน 2549
ธปท.นำร่องประเมินศก.ปีหน้าใหม่ย้ำค่าบาท-ตลาดหุ้นคืนสู่สภาวะปกติ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Economics




แบงก์ชาติเตรียมประเมินภาพรวมเศรษฐกิจปีหน้าใหม่ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ระบุสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงหลังมีการปฏิรูปการเมืองของคปค. ปัจจัยหลักเป็นส่วนของงบประมาณปี 50 ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะจัดทำ-เบิกจ่ายได้เร็วกว่าที่กำหนด ยันสถานการณ์ค่าบาท-ตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และไม่มีเงินทุนไหลออกอย่างผิดปกติ

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายเสถียรภาพการเงิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ ธปท.ได้ติดตามภาวะการณ์ในตลาดเงินตลาดทุนไทยตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่มีการดำเนินการปฏิรูปการปกครอง โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ในวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 25 ก.ย.นี้ พบว่า ตลาดการเงินของไทย ทั้งตลาดอัตราดอกเบี้ย ตลาดพันธบัตร และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงตลาดทุน ได้เข้าสู่ภาวะปกติและเป็นไปตามกลไกของภาคธุรกิจ และช่วยสนับสนุนให้การดำเนินการของภาคธุรกิจในช่วงต่อไปเดินหน้าได้ตามปกติ

นอกจากนั้น ยังเห็นความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ โดย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่เห็นการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ตรงกันข้าม ยังคงเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ สรุปจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทพบว่าค่าเงินบาทมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ในวันแรกของการเข้าปฎิรูปการปกครองในตลาดเงินบาทระหว่างประเทศเท่านั้น โดยอ่อนค่าลงจากราคา 37.28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องตั้งแต่ได้รับทราบข้างต้น และอ่อนค่าลงต่ำสุดที่ 37.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรืออ่อนค่า 67 ส.ต.

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเมื่อเห็นภาพที่ชัดเจนว่าไม่มีความรุนแรง ค่าเงินบาทจึงได้แข็งค่ากลับขึ้นมาจนปิดตลาดระหว่างประเทศในช่วงคืนวันที่ 19 ก.ย. ที่ 37.52 บาท และถัดมาในวันที่ 21-22 ก.ย.49 ที่กลับมาเปิดตลาดค้าเงินบาทอีก ก็ไม่เห็นการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ และเงินที่เข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เหตุผลหนึ่งน่าจะเกิดขึ้นจากการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทย 2 วัน รวมกันสูงถึง 7,500 ล้านบาท โดยล่าสุดในวันที่ 25 ก.ย. ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 37.30-37.38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นายบัณฑิต กล่าวว่า จากการตรวจสอบตลาดสินเชื่อและพันธบัตรก็ไม่ได้ตื่นตระหนกกับภาวะการปฏิรูการปกครองของไทยเช่นกัน เพราะอัตราดอกเบี้ยในตลาดระหว่างธนาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้นเพียง 0.02-0.03% เท่านั้น และยังมีสภาพคล่องคงเหลือ ประมาณ 300,000-400,000 ล้านบาท ขณะที่ดอกเบี้ยการประมูลพันธบัตรเมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนตลาดหุ้นไทย การลดลงของดัชนีหุ้นในอัตราประมาณ 10 จุดต่อวัน ถือเป็นเกณฑ์ที่ปกติไม่น่าเป็นห่วง และนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ

นอกจากนี้ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะทำให้สามารถจัดทำงบประมาณประจำปี 50 ได้ในเร็วๆ นี้ และเป็นงบประมาณขาดดุลจะส่งผลดีต่อการใช้จ่าย และการลงทุนของภาครัฐ และจะส่งผลดีต่อเนื่องต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2550 จากเดิมในการประมาณการเศรษฐกิจ ปี 2550 ของธปท. และสำนักอื่นๆ จะประเมินจากสมมติฐานว่า งบประมาณปี 2550 จะเบิกจ่ายล่าช้าประมาณ 6-9 เดือน จากเดือนต.ค.2549 แต่ในขณะนี้ หากงบระมาณปี 2550 สามารถเบิกจ่ายได้ตามเวลาไม่เลื่อนออกไป ก็จะเป็นประโยชน์ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยจากการใช้จ่าย และการลงทุนของภาครัฐ โดยมองว่าการขาดดุลในระดับ 1.5-2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เป็นขนาดที่รับได้ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมองในระยะยาว ทำให้หากมีความจำเป็นในปีแรกๆ อาจจะมีการขาดดุลเกินกำหนดได้

อย่างไรก็ตาม ธปท.จะมีการประเมินภาพทางเศรษฐกิจ และประมาณการเศรษฐกิจในปี 2549 และปี 2550 ใหม่อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 18 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยได้เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก และจะมีรายละเอียดของประมาณการเศรษฐกิจใหม่ ของธปท.ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับใหม่ที่จะออกสิ้นเดือนต.ค.นี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us