Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2543
พานาโซนิค อีก 3 ปี ไทยจะส่งออกถ่านอัลคาไลน์ 680 ล้านบาท             
 


   
search resources

มัทสุชิตะ แบตเตอรี่ (ประเทศไทย)
โยชิคาซึ โยโคเอะ
Electronic Components




มัทสุชิตะ แบตเตอรี่(ประเทศไทย) บริษัทในเครือมัทสุชิตะ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากญี่ปุ่น ประกาศโครงการลงทุนตั้งโรงงานผลิตถ่านอัลคาไลน์ ยี่ห้อพานาโซนิค ในประเทศไทย ด้วยวงเงินลงทุน 350 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 150 ล้านก้อนต่อปี โดยมีเป้าหมาย เพื่อส่งออก 80%

"โรงงานแห่งนี้ จะอยู่ภายใต้การจัดการ และควบคุมดูแลโดยคนไทยทั้งหมด มีชาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียว ที่เป็นเจ้าหน้าที่เทคนิค"โยชิคาซึ โยโคเอะ กรรมการผู้จัดการ มัทสุชิตะแบตเตอรี่(ประเทศไทย)กล่าว

มัตสุชิตะ ได้เริ่มเข้ามาตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย ที่อำเภอเทพารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ มาตั้งแต่ปี 2504 และโรงงานแห่งนี้ ถือเป็นโรงงานแห่งแรกในกลุ่มมัทสุชิตะ ที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมาจะผลิตถ่านแมงกานีส เพื่อป้อนตลาดภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนถ่านอัลคาไลน์ ที่จำหน่ายในไทย เป็นการนำเข้ามาจากญี่ปุ่น

แต่จากการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์ในช่วง ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านอัลคาไลน์ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มัทสุชิตะตัดสินใจ ที่จะใช้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตถ่านอัลคาไลน์ เพื่อส่งป้อนตลาดในเอเซีย เอเซียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง และอาฟริกา

"ความต้องการใช้ถ่านทั่วโลกมีประมาณปีละ 10,000 ล้านก้อน ในจำนวนนี้เป็นส่วนแบ่งขของถ่านพานาโซนิคประมาณ 10%"

ปัจจุบัน นอกจาก ที่ญี่ปุ่น และในประเทศไทยแล้ว มัตสุชิตะยังมีฐานการผลิตถ่านอัลคาไลน์อยู่ ที่สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม และบราซิล โดยในประเทศไทย คาดว่าโรงงาน ที่จะตั้งขึ้นใหม่ จะสามารถเปิดดำเนินการผลิตได้ในเดือนเมษายนปีหน้า"เราตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปี ยอดส่งออกถ่านอัลคาไลน์จากโรงงานแห่งนี้ จะสูงถึงปีละ 680 ล้านบาท"โยชิคาซึ โยโคเอะกล่าว

สำหรับภายในประเทศ ปัจจุบันมัทสุชิตะเป็นผู้จำหน่ายถ่านอัลคาไลน์รายใหญ่ที่สุด ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 51% รองลงมาได้แก่ดูราเซล 26% เอ็นเนอไจส์เซอร์ 17% และรายอื่นๆรวมประมาณ 6% โดยตลาดรวมในปี 2543 มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท

ปี 2542 มัทสุชิตะ มียอดขายถ่านอัลคาไลน์ภายในประเทศ 177.3 ล้านบาท ได้เพิ่มขึ้นเป็น 265.9 ล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าในปี 2544 ยอดขายถ่านอัลคาไลน์ภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us