Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์25 กันยายน 2549
คอนโดฯครึ่งปีแรกสอบผ่านพระราม3-รัชดา-ท่าพระมาแรง             
 


   
search resources

Real Estate




ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 มีโครงการคอนโดมิเนียมออกสู่ตลาด 14 โครงการในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ รวมเป็นห้องชุด 4,282 ยูนิต ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่สุขุมวิท 1-63, สีลม-สาทร, ลุมพินี, พระราม 3, ริมแม่น้ำ และพญาไท โดยจำนวนห้องชุดที่ออกจำหน่ายในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนใกล้เคียงกับที่ออกจำหน่ายในปี 2548โดยยังมีอีกหลายโครงการที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

จากตัวเลขจำนวนห้องชุดเปิดตัวในปีนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของนักพัฒนาต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยห้องชุดที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2546 ถูกขายออกไปเกือบหมดและอยู่ระหว่างการโอน

ตลาดคอนโดมิเนียมแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ระดับพรีเมี่ยม ระดับกลาง และระดับล่าง โครงการระดับพรีเมี่ยมส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง(ซีบีดี) และบริเวณสุขุมวิทมีราคาต่อตารางเมตรสูงกว่า 100,000 บาท บริษัทที่พัฒนาในกลุ่มนี้ได้แก่ แสนสิริ, ไรมอนแลนด์, แผ่นดินทอง, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ และ บริษัทร่วมทุนเช่น ทีซีซีแคปปิตอลแลนด์, ซีดีแอล และ เซ็นเตอร์พ้อยส์

“การเปิดตัวโครงการ มิลเลเนียม เรสซิเด้นซ์ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท จากซีดีแอล และโครงการเอ็มโพริโอ จากทีซีซีแคปปิตอลแลนด์มูลค่ากว่าสี่พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของนักพัฒนาชาวต่างชาติ ต่อตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ”

ส่วนตลาดระดับกลางนักพัฒนาจะจับกลุ่มลูกค้าคนทำงานรุ่นใหม่ที่ทำงานอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และชื่นชอบใช้ชีวิตในเมืองและการเดินทางสะดวก ผู้นำในกลุ่มนี้ได้แก่ โนเบิล, พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอส์ และ เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ในช่วงครึ่งปีแรกโนเบิลได้เปิดตัวโครงการ 3 แห่ง จำนวนรวม 700 ยูนิต พลัส เปิดตัวโครงการ 5 แห่ง ภายใต้ชื่อ คอนโดวัน จำนวนรวม 1,200 ยูนิต

ตลาดระดับล่าง มีศุภาลัย, แอลพีเอ็น และ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เป็นผู้นำตลาดนี้ โดยตลาดนี้ห้องชุดมีราคาที่ 1-2 ล้านบาท ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดของกรุงเทพฯและการขยายเส้นทางของรถไฟฟ้าทำให้เกิดพื้นที่ใหม่ๆ นักพัฒนาจึงเข้าไปจับจองทำโครงการ เช่น พระราม3, พญาไท, รัชดา และท่าพระ

ข้อมูล ณ.สิ้นเดือนมิ.ย. 2549 ระบุว่า 51% ของห้องชุดที่ออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 2546 มีราคาต่อห้อง 2-5 ล้านบาท , 22% ราคา 5-8 ล้านบาท, 10%ราคา 8-10 ล้านบาท, 10% ราคา 10-15 ล้านบาท และ 7% ราคาสูงกว่า 15 ล้านบาท โดยนักพัฒนาหลายราย เช่น เอเชี่ยนฯ, โนเบิล และแสนสิริ ได้ลดขนาดห้องลงเพื่อที่จะคงราคาขายต่อยูนิตไว้ โดยแสนสิริให้บริษัทลูกคือ พลัสฯเป็นผู้ทำตลาด

สำหรับราคาต่อตารางเมตรมีการปรับขึ้น 4.8% เฉลี่ยอยู่ที่ 81,597 บาทต่อตารางเมตร ลุมพินีเป็นพื้นที่ที่ราคาสูงสุด ฉลี่ย 107,951 บาทต่อตารางเมตร ตามด้วยสีลม/สาทร 98,194 บาท และสุขุมวิท 91,020 บาท โดยพื้นที่สุขุมวิทมีการขยับราคาขึ้นไปมาก เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการที่มีราคาขายต่อตารางเมตรสูงกว่า 100,000 บาท ขณะที่โครงการริมแม่น้ำราคาขยับขึ้นในรอบ12 เดือนที่ผ่านมา ขยับจาก 63,141 บาทต่อตารางเมตรเป็น 69,867 บาท ซึ่งจะเห็นว่าราคาคอนโดฯริมแม่น้ำมีราคาต่ำกว่าพื้นที่ใจกลางเมืองกว่า 30% ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าเมื่อโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายธนบุรีเปิดให้บริการจะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำได้รับความนิยมมากขึ้น

ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2549 มีคอนโดฯจำหน่ายออกไป 4,547 ยูนิตเทียบกับ ครึ่งปีแรกของปี 2548 ที่ 2,357 ยูนิต และ1,974 ยูนิตในครึ่งปีหลังของปี2548 จากสถิติพบว่าในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายคอนโดมิเนียมมีปริมาณสูงกว่าคอนโดมิเนียมเปิดตัวส่งผลให้คอนโดฯรอจำหน่ายมีจำนวนลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในเดือนมิ.ย.มีคอนโดฯเปิดตัวหลายแห่ง และสามารถปิดการขายภายใน 1-2 สัปดาห์ เช่น โนเบิลรีมิกซ์ และ คอนโดวันพลัส

พื้นที่ที่มีอัตรายอดขายสูงสุด คือ สุขุมวิทด้วยอัตรายอดขาย 87% ซึ่งพื้นที่นี้เป็นที่นิยมทั้งจากผู้ต้องการที่พักอาศัยและนักลงทุนสำหรับปล่อยเช่า สำหรับพื้นที่ สีลม/สาทร และ ลุมพินี มีอัตรายอดขายที่ 83% และ 84% ตามลำดับ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความต้องการห้องชุดในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯเป็นอย่างดี พื้นที่พระราม3-ริมแม่น้ำเป็นพื้นที่ที่มีอัตรายอดขายต่ำสุดที่ 69% เนื่องด้วยโครงการที่เปิดตัวในพื้นที่นี้มีขนาดใหญ่และอยู่ในช่วงระหว่างเริ่มการก่อสร้าง

ปี ’48 ปีแห่งความท้าทาย

ปี 2548 นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักพัฒนา เนื่องจากดอกเบี้ยขาขึ้น ความลำบากในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน และตลาดหลักทรัพย์ซบเซา อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ ตลาดคอนโดฯกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยในครึ่งปีแรกปี 2549 มีห้องชุดออกสู่ตลาดมากกว่าปี 2548 ตลอดทั้งปี ที่สำคัญต้องการคอนโดฯมากทำให้โครงการใหม่สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ส่วนห้องชุดรอจำหน่ายในโครงการเก่าก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่สภาวะทรงตัว ความต้องการในห้องชุดสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผู้ประกอบการมีการปรับตัวออกแบบห้องชุดให้เหมาะสมกับความต้องการมากขึ้น เช่น ปรับขนาดห้องชุดให้เล็กลงเพื่อคงราคาขายต่อยูนิตไว้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us