|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"เอเซอร์" กับเจ้าตลาดโน้ตบุ๊กเมืองไทย เป็นสิ่งที่คู่แข่งขันยากที่จะไล่ตามทิ้งห่างคู่แข่งขันถึง 25% ด้วยกลยุทธ์แมสโปรดักส์ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังรีแบรนด์ดิ้งและวางโพสิชั่นนิ่งให้กับผลิตภัณฑ์เอเซอร์ใหม่หมด คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เอเซอร์เดินไปได้ไกลกว่าค่ายผู้ผลิตรายอื่น
การฉลองความสำเร็จของ "เอเซอร์" ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ไต้หวัน กับการเป็นผู้มียอดขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอันดับ 1 ในเมืองไทยและครองอันดับ 1 ตลาดผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กกว่า 12 ไตรมาสติดต่อกันด้วนส่วนแบ่งการตลาดกว่า 39% คือตัวเลขที่เกินความคาดหมายของผู้บริหารเอเซอร์ประเทศไทย
"เราคิดว่าอย่างไรเราก็เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดที่น่าจะทิ้งห่างคู่แข่งขันประมาณ 5% แต่จากการเปิดเผยของไอดีซีตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดของเราห่างจากคู่แข่งขันอันดับสองถึง 25%" เป็นคำกล่าวของนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด
ความสำเร็จของเอเซอร์ในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นจากกลยุทธ์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เอเซอร์ได้มีรีแบรนด์ดิ้งและวางโพสิชั่นนิ่งให้กับผลิตภัณฑ์เอเซอร์ใหม่ทั้งใหม่ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เด็กลงเป็นวัยรุ่นมากขึ้น ด้วยการว่าจ้างท็อปดีไซน์เนอร์ระดับโลกเป็นผู้ออกแบบสินค้าให้กับเอเซอร์ ทำให้โน้ตบุ๊กของเอเซอร์มียอดขายดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"กลุ่มเด็กถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของกลุ่มเป้าหมายอื่นๆด้วย"
ตัวเลขของตลาดมหาวิทยาลัยกว่า 30-40% จึงเป็นของเอเซอร์อยู่ในขณะนี้ จนบางมหาวิทยาลัยเรียกเป็นเอเซอร์แคมปัส ซึ่งเอเซอร์ได้มีการจัดกิจกรรมกับกลุ่มลูกค้าในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสนับสนุนโน้ตบุ๊กราคาพิเศษ การสนับสนุนเรื่องของฮอตสปอตในมหาวิทยาลัย
ความสำเร็จของเอเซอร์ยังมาจากกลยุทธ์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของตลาดแมสเป็นหลัก นำไปสู่การเป็นพัฒนาไลน์สินค้าที่เป็นแมสโปรดักส์ด้วยการวางจำหน่ายสินค้าแบบหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มไล่ตั้งแต่ระดับราคาต่ำไปจนถึงกลุ่มราคาสูงเป็นแสนบาท รวมทั้งการตอบสนองตลาดด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเป็นเจ้าแรกเสมอ
"กลยุทธ์เรื่องสปีดการนำสินค้าเข้าตลาดเร็วกว่าคู่แข่ง และการจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย ตามด้วยตัวสินค้าที่ดี และโปรโมชั่นที่โดนใจ ทำให้เราสามารถครองใจผู้บริโภคในตลาดเมืองไทยได้"
การทำตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของค่ายผู้ผลิตอื่นๆ จะเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมี่ยมก่อน ซึ่งทำให้สินค้ามีราคาแพง เหมาะกับกลุ่มที่มีกำลังซื้อเท่านั้น แต่เอเซอร์จะคิดอีกแบบหนึ่งคือพยายามนำเสนอเทคโนโลยีไปพร้อมๆ กันในทุกผลิตภัณฑ์
อย่างการที่อินเทล เปิดตัวอินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ เอเซอร์ก็พร้อมที่จะเปิดผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กใหม่พร้อมกันถึง 10 รุ่นทำตลาดพร้อมกัน ทำให้ตลาดมีทางเลือก และที่ผ่านมาในความเป็นจริงผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์รุ่นที่มียอดขายมากจะไม่ใช่รุ่นที่ราคาต่ำสุด แต่เป็นรุ่นที่มีราคาคุ้มค่ากับประสิทธิภาพของเครื่องมากกว่า
ผู้บริหารเอเซอร์ ย้ำว่า การที่เอเซอร์ประสบความสำเร็จครองอันดับ 1 มาโดยตลอด ส่วนสำคัญเพราะเอเซอร์มีทีมงานที่คอยพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่อเนื่องอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมี Acer Empowering Technology เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมทั้งโน้ตบุ๊กเอเซอร์ทุกเครื่องได้เพิ่มเทคโนโลยีเอเซอร์ ออบิแคม 1.3 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพความละเอียดสูงและถ่ายวิดีโอ รองรับการประชุมทางไกล ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน
และในการฉลองอันดับ 1 ของเอเซอร์ได้มีการจัดงาน "เอเซอร์ โน้ตบุ๊ก เดย์" ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กราคาพิเศษ 3 รุ่น คือ Aspire 3682NWXMi และ Aspire 5552NWXMi รองรับแพลตฟอร์ม อินเทล เซนทริโน ดูโอ โมบาย เทคโนโลยี ด้วยราคา 23,900 บาท และ 33,900 บาท และรุ่นพิเศษสุด Aspire 5583NWXMi ใช้โปรโซสเซอร์ใหม่ล่าสุดอินเทล คอร์ 2 ดูโอ วางจำหน่ายในราคาเพียง 39,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อนดอกเบี้ย 0%
"ตอนนี้ใครที่จะขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในตลาดโน้ตบุ๊กเป็นเรื่องยากมากแล้ว ตลาดนี้จะเป็นการแข่งขันช่วงชิงอันดับรองๆ ลงมามากกว่า" นิธิพัทธ์ กล่าวทิ้งท้าย
|
|
|
|
|