ลือตระกูล "รุ่งธนเกียรติ" ผู้ถือหุ้นใหญ่อาร์เค มีเดีย โฮลดิ้ง เตรียมขายหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ในราคาหุ้นละ 1.30 บาท ผู้บริหารปฏิเสธข่าวไม่เป็นความจริงแต่มีแผนที่จะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทำธุรกิจ เหตุภาครัฐอนุญาตให้มีวิทยุชุมชนในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ขณะนี้กระแสข่าวลือเกี่ยวกับการที่มีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ ต้องการเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท อาร์ เค มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RK จากกลุ่มตระกูลรุ่งธนเกียรติ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะขณะนี้กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ได้มีการเก็บหุ้นได้แล้วในจำนวนหนึ่ง และได้มีการเจรจากันบ้างแล้ว ซึ่งทางกลุ่มตระกูลรุ่งธนเกียรตินั้นต้องการที่จะขายในราคาหุ้นละ 1.30 บาท ขณะที่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่นั้นไม่เร่งรีบ เพราะช่วงนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบมูลค่าสินทรัพย์หรือดิวดีลิเจ้นท์ ดังนั้นจึงต้องการผลการตรวจสอบมูลค่าสินทรัพย์เสียก่อน

นอกจากนี้ธุรกิจของบริษัทอาร์ เค มีเดีย โฮลดิ้ง กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่อง เพราะธุรกิจสร้างรายได้ลดลง รวมถึงผลประกอบการที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงมองว่ายิ่งปล่อยเป็นเวลานาน ราคาที่ซื้อขายอาจจะปรับตัวลดลงมาก็ได้ ซึ่งถ้ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่สามารถตกลงซื้อขายกับกลุ่มตระกูลรุ่งธนเกียรติได้ จะทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และอาจจะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ถ้าถือเกิน 25% ขึ้นไป ตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กำหนด

ทั้งนี้กระแสข่าวยังได้ระบุอีกว่ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ถ้าเข้ามาบริหารงาน จะพยายามลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ และจะหาธุรกิจอื่นๆ เข้ามาเสริมรายได้ เพื่อหวังที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้ธุรกิจของบริษัทกลับมาฟื้นตัวได้อีก

อนึ่งผลประกอบการในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ปรากฏว่า ขาดทุนสุทธิ 29.39 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 13.38 ล้านบาท ขณะที่ในงวด 6 เดือน ของปี 2549 บริษัทขาดทุนสุทธิ 57.63 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 13.31 ล้านบาท

นายเกรียงศักดิ์ รุ่งธนเกียรติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บริษัท อาร์ เค มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RK กล่าวถึงกระแสข่าวลือที่ระบุว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเตรียมจะขายหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าเสนอซื้อหุ้นว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้มีการตกลงกับนักลงทุนรายใดที่จะเข้ามาติดต่อเพื่อร่วมดำเนินธุรกิจกับบริษัท

อย่างไรก็ตามบริษัทมีความสนใจที่จะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทำธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพราะธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานวิทยุได้รับผลกระทบจากที่ภาครัฐอนุญาตให้มีวิทยุชุมชนในต่างจังหวัด ซึ่งส่งผลทำให้จำนวนคลื่นความถี่วิทยุจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 500 กว่าคลื่น เพิ่มขึ้นไปถึงกว่า 4,000 คลื่นในปัจจุบัน จึงส่งผลกระทบในแง่ของรายได้ของบริษัทที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจนถึงขั้นขาดทุน

สำหรับคุณสมบัติของพันธมิตรที่บริษัทต้องการให้เข้ามาร่วมธุรกิจ คือ บริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าโดยยังไม่ได้มีการกำหนดลักษณะของสินค้าอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกิจการที่มีสินค้าจะเข้ามาช่วยเสริมรายได้ของอาร์เคมีเดียซึ่งมีช่องทางในการโฆษณาสินค้าอยู่แล้ว ในส่วนของเรื่องการเข้ามาของพันธมิตร ณ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการศึกษาถึงลักษณะการเข้ามาร่วมทุนว่าจะเข้ามาในลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นการขายหุ้นเพิ่มทุน หรือการขายหุ้นในส่วนที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ถืออยู่โดยบริษัทได้ตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินของบริษัท

"เราปฎิเสธข่าวที่ระบุว่ามีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่เตรียมที่จะเข้ามาเทกโอเวอร์กิจการ เราบอกโดยตลอดว่าเรากำลังหาพันธมิตรเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว ซึ่งสิ่งที่สำคัญเราจะหาพันธมิตรที่เข้ามาแล้วส่งผลในด้านดีให้กับบริษัท" นายเกรียงศักดิ์กล่าว